“อุ๊งอิ๊ง” เปิดตัว “ณัฐวุฒิ” นั่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นำทัพแลนด์สไลด์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยแกนพรรคเพื่อไทย เปิดตัว “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” กลับมาร่วมงานการเมือง นำทัพครอบครัวเพื่อไทย ดึงคะแนนคนเสื้อแดงกลับมา เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.แบบแลนด์สไลด์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. เข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยมีแกนนำ นปช.มาร่วมให้กำลังใจ เช่นนายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์
โดย นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่าตลอด 3 เดือนหลังเปิดตัวครอบครัวเพื่อไทย ได้ทำงานหนักเพื่อรับฟังปัญหาและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ที่ผ่านมาเราเสียเวลามามากกับรัฐบาล จึงต้องระดมคนที่รักประชาธิปไตยมาอยู่ร่วมกัน มั่นใจว่า นายณัฐวุฒิ จะเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะทำให้ครอบครัวเพื่อไทยเข้มแข็งมากขึ้น และมั่นใจว่า นายณัฐวุฒิจะเข้าเป็นกำลังสำคัญในการรวบรวมคนเสื้อแดง เพื่อนำไปสู่ผลเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ด้านนายณัฐวุฒิ เปิดใจว่า ไม่ว่าวันเวลาและสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ขอยืนยันว่าตนยังเป็นคนเสื้อแดง โดยวันนี้จะร่วมทำงานคู่ขนานไปกับพรรคเพื่อไทยต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง เพื่อช่วงชิงอำนาจคืนมาจากรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ประเทศชาติ ให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจกลับมาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายณัฐวุฒิ บอกว่า ที่นี่คือบ้าน แม้ตลอด 10 ปีที่ทำงานการเมืองจะสังกัดหลายพรรค ไม่ได้เป็นการโยกย้ายด้วยการขายอุดมการณ์ แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงถูกยุบพรรค แม้การอยู่ในพรรคเพื่อไทยในอดีตจะมีปัญหาความขัดแย้งกันบ้าง ที่ผ่านมาเคยถูกชักชวนไปทำงานกับพรรคการเมืองต่างๆ แต่ไม่ได้ไป และมีเป้าหมายต้องทำให้ชนะเลือกตั้งเกินครึ่งหรือ 250 เสียง เพื่อให้ ส.ว.ไม่กระทำสิ่งที่คัดค้านเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2548 และพรรคเพื่อไทยในปี 2554
นายณัฐวุฒิ ยังย้ำว่า ในการทำงานไม่ต้องการเผชิญหน้าหรือขัดแย้งกับพรรคการเมืองซีกประชาธิปไตย ขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอยู่เต็มที่ ไม่มีอะไรที่ตัดขาดความสัมพันธ์ของคนเสื้อแดง แต่หลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้วสามารถมาร่วมทำงานกันได้เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา และตนจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยตลอดไปจนสุดเส้นทางประชาธิปไตย ตราบที่อุดมการณ์ของพรรคยังไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกันหากตนอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็พร้อมให้เขี่ยออกจากพรรค