ชื่นมื่น! “ชัชชาติ” พบนายกฯ ควงแขนประชุม ศบค.คลายล็อก “ถอดแมสก์-เปิดปิดผับบาร์” ปกติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมนำ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หารือก่อนการประชุม ศบค.ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ก่อนควงแขนร่วมประชุม ศบค.ถกผ่อนคลายโควิด “ถอดแมสก์-เปิดปิดผับบาร์” ปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก โดยช่วงเช้านายชัชชาติยังสงวนท่าทีไม่ให้สัมภาษณ์ใด
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ศบค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำนายชัชชาติ พร้อมด้วยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ใช้เวลาหารือ 20 นาที
โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศในการพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ทั้งในส่วนของนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ และ พล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญทุกคนเข้าห้องประชุม ศบค. ยกเว้นนายวิษณุ ที่มีภารกิจข้างนอก
ทั้งนี้ ในการพบกันครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเหรียญที่ระลึกสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ของกรมธนารักษ์ พิมพ์ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาล 1 และรัชกาลที่ 9 ด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์ราชวงศ์จักรี และสมุดบันทึก ให้กับนายชัชชาติ และนายปรเมศวร์
โดยทันทีที่เข้าห้องประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวต้อนรับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ซึ่งทั้ง 2 คนได้ลุกขึ้นสวัสดีทุกคนในห้อง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยังนำปรบมือต้อนรับอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ประชุม ศบค.เห็นชอบการปรับพื้นที่ดูแลสถานการณ์โควิด-19 เป็นพื้นที่สีเขียวทั้ง 77 จังหวัด ทำให้ทุกจังหวัดสามารถกลับมาเปิดสถานบันเทิงได้ตามปกติ
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงไปจนถึงเวลา 02:00 น. ด้านโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวพักอาศัยจากเดิมไม่อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตั้งแต่เวลา 14:00 – 17:00 น.นั้น ได้มีการปลดล็อกแล้ว
ส่วนเรื่องการถอดหน้ากากอนามัยสามารถถอดได้ในบริเวณที่ไม่แออัด พื้นที่เปิดโล่งแจ้งและอยู่ที่ความสมัครใจของแต่ละบุคคล รวมถึงนักกีฬาที่ออกกำลังกายสามารถถอดหน้ากากอนามัยได้ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป
สำหรับพนักงานให้บริการสมควรที่จะให้ใส่หน้ากากอนามัยต่อไป รวมถึงการจัดงานเช่น คอนเสิร์ต ที่มีผู้ร่วมงานเกินกว่า 2,000 คน ให้ขออนุญาตก่อน และยังต้องสวมหน้ากากอนามัย
ทั้งนี้เงื่อนไขการสวมหน้ากากอนามัย ได้แก่ 1.สถานที่ภายนอกอาคาร ให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬาหรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม ฯลฯ, 2.สถานที่ภายในอาคาร ให้สวมหน้ากาก
ขณะที่เงื่อนไขการถอดหน้ากากอนามัย ได้แก่ 1.อยู่คนเดียว, 2.หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น, 3.ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกัน, 4.ต้องสามารถเว้นระยะห่างได้, 5.ไม่รวมกลุ่มและในพื้นที่แออัด และอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และ 6.มีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง ฯลฯ โดยให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที
นอกจากนี้ศบค.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอขอยกเลิกหนังสือตม.6 ยกเลิกไทยแลนด์พาส ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้องกรอกไทยแลนด์พาสก่อนเข้าประเทศ