KSL ลุ้นกำไรปี 65 โต 92% ทะลุ 1.2 พันล้าน รับปริมาณอ้อยพุ่ง ชูเป้า 4.7 บาท

KSL ลุ้นกำไรปี 65 โต 92% ทะลุแตะ 1.2 พันล้านบาท รับปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น และบริษัทได้ทยอยล็อคราคาขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้ว 50% โบรกยังคงราคาเป้าหมาย 4.7 บาท แนะเก็งกำไรตามเดิม


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 17 มิ.ย.2565 ว่า ราคาน้ำตาลโลกเฉลี่ยเดือน มิ.ย. เท่ากับ 19.01 เซนต์ต่อปอนด์ เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และยังมีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่อง ทำให้มองว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำตาลโลกได้ผ่านพีคแล้ว แม้ปัจจุบันยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง เป็นบวกทางอ้อมต่อราคาน้ำตาล ในแง่ความต้องการใช้เอทานอลที่ผลิตได้จากกากน้ำตาลอาจปรับตัวสูงขึ้น แต่ทางฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยลบ 2 ประเด็นมากกว่านั่นคือ 1.) คาดการณ์ภาวะน้ำตาลโลกปี 2565/66 จะเกินดุลมากขึ้นเป็น 3.87 ล้านตัน จาก 1.39 ล้านตันในปีนี้ 2564/65 ถือเป็นการเกินดุลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากคาดปริมาณผลผลิตน้ำตาลของผู้ผลิต 3 รายใหญ่ของโลกจะเพิ่มขึ้นได้แก่ บราซิล อินเดีย และไทย

ขณะที่ภาพรวมความต้องการบริโภคอาจสะดุดเล็กน้อย มาจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่ยังใช้มาตรการล็อกดาวน์ และ 2.) ค่าเงินของผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิล และไทย อ่อนค่าลงค่อนข้างมาก ถือเป็นลบต่อราคาน้ำตาล และยิ่งหากราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง จะยิ่งกดดันให้ราคาน้ำตาลปรับลงไปอีก

นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของ บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด และโรงงานน้ำตาลที่ล่าสุดได้ทยอยล็อคราคาขายส่งออกน้ำตาลล่วงหน้าในปีหน้า 2565/66 ไปแล้วถึง 50% ถือว่าเร็วกว่าปกติ สะท้อนถึงมุมมองของอุตสาหกรรมที่มองแนวโน้มราคาน้ำตาลอาจเริ่มปรับลงในระยะถัดไป จึงต้องการล็อคราคาขายไว้ก่อน

สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 เดือน พ.ค.-ก.ค. น่าจะยังอยู่ในระดับที่ดี คาดโตสูงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานต่ำมากในปีก่อน โดยปริมาณขายน้ำตาลยังอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงไตรมาส 2/2565 จากปริมาณอ้อยที่มากขึ้น

ทั้งนี้ปริมาณอ้อยไทยปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 92 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจะเร่งเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 115 ล้านตันในปี 2566 และคาดราคาขายน้ำตาลในไตรมาส 2/2565 จะสูงขึ้นตามราคาน้ำตาลโลก และเป็นราคาที่ล็อคไว้ในช่วงก่อนหน้า แต่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะไม่โดดเด่นนัก เพราะต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน และคาดกำไรน่าจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 4/2565 ตามฤดูกาลแนวโน้มผลการดำเนินงานยังสอดคล้องกับประมาณการของทางฝ่ายวิจัย

ดังนั้นยังคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตเป็น 1,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในปี 2566 น่าจะโตต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 9.4% มาจากคาดปริมาณอ้อยที่จะสูงขึ้นต่อ และบริษัทได้ทยอยล็อคราคาขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้ว 50% ที่ราคาเฉลี่ยทรงตัวถึงปรับขึ้นเล็กน้อยจากปี 2565 คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 4.7 บาท แนะนำเก็งกำไรตามเดิม (อิง PBV 1 เท่า)

Back to top button