“ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” เล็งเพิ่มเที่ยวบิน “เกาหลี-ญี่ปุ่น” วางเป้าออกจากแผนฟื้นฟู Q3/66

“ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” คาดออกจากแผนฟื้นฟูได้ในช่วงไตรมาส 3/65 พร้อมลุยเพิ่มเที่ยวบิน “เกาหลี-ญี่ปุ่น” ซึ่งหากจีนเปิดประเทศได้คาดว่าจะหนุนรายได้เติบโตเพิ่ม


นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กล่าวว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ตั้งเป้าจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ในไตรมาส 3/66  หากขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็คาดว่าใช้เวลาบริหารแผนฟื้นฟูประมาณ 6-8 เดือน โดยจำนวนหนี้ที่ขอเข้าฟื้นฟูกิจการอยู่ที่ประมาณ 2.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าเครื่องบิน

ทั้งนี้ บริษัทมีความจำเป็นยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ เพราะต้องการบริหารจัดการหนี้ก้อนใหญ่ให้เหมาะสมกับรายรับ และสามารถให้การบริการตามปกติได้ ซึ่งสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์สามารถกลับมาให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.65 โดยบริษัทได้เข้าขอเข้าแผนฟื้นฟูเมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 ที่ผ่านมา และศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 22 ส.ค.65

นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า สำหรับแผนหาพันธมิตรร่วมทุนที่วางไว้เป็นทางเลือก ขึ้นกับการหากระแสเงินสดว่าการกลับมาให้บริการของบริษัทได้รับการตอบรับจากตลาดเร็วหรือไม่ หากไม่จำเป็นบริษัทก็ไม่ต้องการออกหุ้นเพิ่มทุนมาขายพันธมิตร และขณะนี้ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับพันธมิตรรายใด

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดเพียงพอใช้เท่าที่จำเป็น ขณะเดียวกันบริษัทเริ่มเปิดบินไปเกาหลีและญี่ปุ่น โดยจะเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นในเดือน ต.ค.65 เพื่อหารายได้ให้มากขึ้น และหากจีนเปิดประเทศได้เชื่อว่าตลาดการบินจะกลับมาเร็ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องหาพันธมิตรเข้ามา

“ปีหน้าเราจะทำตลาด 2 ประเทศ เกาหลี ญี่ปุ่น ให้ได้ดี ถือเป็นตลาดใหญ่มากถ้าตลาดดีเราก็ไม่อยากหาพันธมิตร ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ต้องหาพันธมิตร” นายธรรศพลฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นหลักของไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์  ได้แก่ นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ถืออยู่ 49.6% และ สายการบินมาแซียแอร์เอเชียเอ็กซ์ 49% ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น 1.4%

ประธานกรรมการ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำแพงมากส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 50% จากเดิมอยู่ที่ 30% เนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินปรับขึ้นจากช่วงภาวะปกติ 75-85 เหรียญ/บาร์เรล มาเป็น 170 เหรียญ/บาร์เรล แต่ทางสายการบินก็ไม่สามารถผลักภาระไปให้ผู้โดยสารได้ทั้งหมด และยังมีปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่สภาพตลาดหลังโควิด-19 ไม่เหมือนเดิม ฉะนั้น ก็ต้องศึกษาเส้นทางบินต่าง ๆ ให้ดีก่อนที่จะกลับไปบินว่าสภาพตลาดเปลี่ยนไปอย่างไร เพราะบริษัทไม่สามารถรับข้อผิดพลาดได้อีก แต่อย่างตลาดในญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะคู่แข่งหายไป 2 ราย จึงมองเป็นโอกาสที่จะบินทดแทนคู่แข่งที่หายไปได้ อย่างไรก็ดี ค่าตั๋วโดยสารก็ยังต้องขึ้นกับดีมานด์และซัพพลาย

นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ในปีนี้ที่ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์เริ่มกลับมาบิน คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 3 แสนคน อัตราขนส่งผู้โดยสาร (cabin factor) เฉลี่ยที่ 85% จากการเปิดให้บริการ  4 เส้นทางบิน ได้แก่ กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-โซล กรุงเทพ-โตเกียว, โอซาก้า และ ซับโปโร ประเทศญี่ปุ่น ด้วยฝูงบินแอร์บัสเอ 330 จำนวน 5 ลำ และจะเพิ่มอีก 3 ลำในปี 66 คาดรับมอบในไตรมาส 2/66 จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 62 สายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ มีจำนวนผู้โดยสาร 2 ล้านคน ฝูงบินจำนวน 15 ลำ

โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะมาจากตั๋วโดยสาร สัดส่วน 70% และ จากคาร์โก้และส่วนอื่นไม่เกิน 30% จากปีก่อนมีรายได้จากคาร์โก้กว่า 90%

“ปีที่แล้วไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ให้บริการคาร์โก้ รายได้ก็พออยู่ได้แต่ไม่พอชำระค่าเช่าเราก็คืนเครื่องไป 10 ลำ เหลือ 5 ลำ เรากลับมาบินเกาหลี ญี่ปุ่น และจะเปิดบินเต็มที่ ในเดือนต.ค.65” นายธรรศพลฐ์ กล่าว

ด้านนายปฏิมา จีระแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์  กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มปรับตัวดีขึ้น สายการบินเริ่มทยอยบิน โดยในเดือนมิ.ย.นี้ เส้นทางกรุงเทพ-โซล สัปดาห์ละ 3 เที่ยว บิน ได้รับการตอบรับดี มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย  (cabin factor) 97% โดยเที่ยวบินแรกเมื่อ 1 มิ.ย. 65 มีผู้โดยสารเต็มลำ หรือ 377 คนตามความจุที่นั่ง โดยในเดือน ก.ค.จะเพิ่มความถี่เป็น 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเพิ่มเป็น 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในเดือน ต.ค.-ธ.ค.65 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวไทยและเกาหลี สัดส่วน 50:50

ขณะที่เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว ทำการบิน 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จะเริ่มบิน 3 ก.ค. นี้ จะเพิ่มเป็น 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในเดือน ต.ค.-ธ.ค.65 ส่วนเส้นทางไปโอซาก้าและซัปโปโรเริ่มบินในเดือน ต.ค.นี้ จะบิน 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และ 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ตามลำดับ ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการและบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว

นายปฏิมา กล่าวว่า ตลาดเกาหลีและญี่ปุ่นน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงไฮซีซัน โดยในไตรมาส 4/65 และไตรมาส 1/66 จะรุกทำการตลาดหนักขึ้น ซึ่งไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์เตรียมจัดโปรโมชั่นต่อเนื่อง หลังออกโปรโมชั่น KR/JP Super+ ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะญี่ปุ่นยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปอย่างอิสระได้ ซึ่งตอนนี้ได้เพียงกรุ๊ปทัวร์และนักธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ได้ทำการตลาดใกล้ชิดกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไทย

สำหรับการเข้าแผนฟื้นฟูกิจการของไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จะทำให้การบริหารจัดการและการเดินหน้าธุรกิจคล่องตัวขึ้น และจะไม่กระทบต่อการให้บริการใดๆ ขณะเดียวกันบริษัทพยายามลดต้นทุน ซึ่งที่ผ่านมาได้ย้ายฐานปฏิบัติการบินมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากสนามบินดอนเมือง ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายสำนักงาน และมีโอกาสการเชื่อมต่อเส้นทางบินจากประเทศต่างๆ ได้สะดวกขึ้น

Back to top button