SENA ส่ง 5 โครงการ เข้าโปรแกรม “เช่าซื้อ” เพิ่มโอกาสคนอยากมีบ้าน

SENA ปั้นโปรแกรม "เสนาเช่า-ซื้อ ซื้อเหมือนเช่า ไม่ต้องห่วงเครดิต" ประเดิม 5 โครงการ สร้างโอกาสให้ผู้บริโภคทุกคนทุกกลุ่มได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง


นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า SENA พัฒนาโปรแกรม “เสนาเช่า-ซื้อ ซื้อเหมือนเช่า ไม่ต้องห่วงเครดิต” เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคทุกคนทุกกลุ่มได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ ลูกค้ามีเวลาเตรียมความพร้อมจัดการด้านการเงินเพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเองในการกู้ซื้อบ้าน ประเดิม 5 โครงการ 1.Niche MONO เมกะ สเปซ บางนา 2.Niche MONO รามคำแหง 3.Niche MONO สุขุมวิท ปู่เจ้า 4.FLEXI สาทร  เจริญนคร (เฟส 1) 5.Niche Pride เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ เป็นต้น

สำหรับโครงการนี้ ซื้อบ้าน คอนโด ยังไม่ต้องมีภาระหนี้ “เสนาเช่าซื้อ” โดย บริษัท พาวเวอร์ แคช จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SENA ที่ให้บริการอำนวยความสะดวกกับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโด สามารถซื้อได้ด้วยเงื่อนไขง่ายๆ โดยยังไม่ต้องมีภาระหนี้ โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนนำบ้านหรือคอนโดจากเจ้าของโครงการมาให้ลูกค้าเช่า โดยที่ลูกค้าสามารถเปลี่ยนค่าเช่าเป็นเงินชำระมูลค่าบ้านหรือคอนโดนั้นได้เมื่อต้องการซื้อ เรียกว่าทำสัญญาเช่าแบบมีเงื่อนไขในการซื้อ หรือสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทฯ ด้วยเงื่อนไขการพิจารณาง่ายๆ ทำให้ค่าเช่าที่ชำระมาไม่สูญเปล่า และยังได้บ้านตามที่ลูกค้าตั้งใจโดยไม่ต้องมีภาระหนี้ตั้งแต่วันแรก

มูลค่าสัญญา ราคาบ้านหักเงินดาวน์ที่ชำระไว้กับเจ้าของโครงการ ลูกค้าควรมีเงินดาวน์กับโครงการไม่ต่ำกว่า 10% เพื่อประโยชน์ในการพิจารณา

ค่าบริการ 2% ของมูลค่าสัญญาชำระให้ พาวเวอร์ แคช เมื่อสามารถโอนกรรมสิทธิ์ ได้เท่านั้น

อัตราค่าเช่าซื้อต่อเดือน ล้านละ 5,000.-บาท อัตราดอกเบี้ย 4.5% ต่อปีชำระให้พาวเวอร์ แคช

ค่าส่วนกลาง ลูกค้าชำระตามอัตราเรียกเก็บของโครงการ (ลูกค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมเช่าซื้อนี้จะไม่สามารถใช้ promotion ส่วนลดหรือฟรีค่าส่วนกลางได้) ชำระผ่าน พาวเวอร์ แคช

ระยะเวลาการทำเช่าซื้อ ไม่เกิน 3 ปี

ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า ชำระตามจริง เก็บเป็นรายเดือนชำระผ่าน พาวเวอร์ แคช

อย่างไรก็ดีบริษัทได้ต่อยอดกลยุทธ์ภายใต้พันธกิจ “SENA NEXT” ควบคู่การดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) วางเป้าหมายหลักในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และกำลังซื้อในปัจจุบัน รวมถึงกลุ่มคนที่มองหาและต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ไม่มั่นใจกับสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่ต้องการจ่ายเงินก้อนใหญ่ในขณะนี้ กลุ่มฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ไม่แน่นอน จนกระทั่งคนที่ไม่พร้อมเป็นหนี้ระยะยาวที่ต้องการเวลาเก็บออมเงินหรือเคลียร์หนี้ก่อนยื่นสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านในอนาคต

ทั้งนี้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 แม้ยังคงชะลอตัวอยู่ แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยให้เริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ปัจจัยลบที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องเผชิญนั้นมีอยู่นั้นในหลายมิติ ทั้งภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้นกลายเป็นต้นทุนชีวิตให้กับผู้บริโภค รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานและวัสดุก่อสร้างดีดตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

สำหรับทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นปัจจัยฉุดรั้งให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อและการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแม้จะยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์ก็มีกลยุทธ์ต่างๆทั้งสงครามราคา และกระตุ้นการขายด้วยโปรโมชัน แต่ผลพวงของสถานการณ์ของเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ หรือบางรายปรับแผนการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เช่น ลดขนาดบ้านเล็กลงหรือบางรายเลือกซื้อบ้านบนทำเลที่ไกลเมืองออกไปเพื่อให้ได้ราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อของตนเอง

Back to top button