“สุพัฒนพงษ์” แจงสภาฯ “น้ำมันแพง” มีปัจจัยภายนอกกดดัน-ตรึง “ดีเซล” 34 บาท
นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ชี้แจงกระทู้ถามสดสภาผู้แทนราษฎร หลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งคำถามเหตุราคา “น้ำมันแพง” พร้อมขอให้รัฐบาลเกลี่ยงบประมาณจัดซื้ออาวุธปี 2566 มารองรับสถานการณ์วิกฤตพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตอบกระทู้ถามสดกับสภาผู้แทนราษฎรของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งคำถามเรื่องวิกฤติราคาน้ำมัน ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นเกิดจากปัจจัยภายนอก ไม่ใช่ปัจจัยภายใน อีกทั้งยังเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ขณะนี้สถานการณ์พลังงานในตลาดโลกแย่ลงกว่าเดิม กำลังการผลิตน้ำมันลดน้อยลง ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปห่างจากน้ำมันดิบมากขึ้น เช่น น้ำมันดีเซล ที่เคยมีราคา 110-120 เหรียญต่อบาร์เรล ขยับขึ้นไปถึง 180 เหรียญต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันกว่า 90% ซึ่งรัฐบาลพยายามประคับประคอง โดยตรึงราคาดีเซลให้อยู่ที่ 34 บาทกว่าต่อลิตร
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบไทยพุ่งไปเฉลี่ย 46 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลทราบว่า น้ำมันดีเซลกระทบต่อประชาชนระดับรากหญ้า ซึ่งตอนนี้ผลจากการอุดหนุนทำให้มีเงินไหลออกจากกองทุนดีเซลเฉลี่ยเดือนละกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมย้ำว่า การที่ต้องประคองราคาน้ำมันดีเซล เพราะเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ พร้อมชี้แจงอีกว่า รัฐบาลต้องดูความเหมาะสม เพราะหากตรึงราคาน้ำมันมากเกินไป อาจทำให้เสถียรภาพการเงินการคลังไทยอ่อนแอ จนไม่สามารถสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานได้
ด้านนายครูมานิตย์ ได้ถามต่อถึงกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 20,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานให้นายกรัฐมนตรีนำไปใช้บริหารประเทศว่า เมื่อเกิดวิกฤติพลังงาน ตอนนี้ได้นำเงินกองทุนดังกล่าวกลับมาใช้เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันหรือไม่ และเหตุใดรัฐบาลไม่ใช้กลไกทางการทูตซื้อน้ำมันจากบางประเทศที่เชื่อว่ายังมีน้ำมันราคาถูกพร้อมจำหน่าย รวมถึงเหตุใดไม่ให้หน่วยงานรัฐลดสัดส่วนกำไรในการจำหน่ายน้ำมันลง
นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้ส่งเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานคืนแล้วผ่านกระทรวงการคลังตามกฎเกณฑ์ พ.ร.บ.กองทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ กระทรวงการคลังก็ได้ลดภาษีสรรพสามิตจากที่เก็บ 5 บาทเป็น 3 บาท ส่วนหน่วยงานภาครัฐที่จำหน่ายน้ำมัน โดยเฉพาะ ปตท.ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลขอความร่วมมือไป ปตท.ไม่เคยขัดข้อง แต่ต้องเข้าใจว่า การบริหารในรูปแบบบริษัทจะต้องมีกำไรที่เหมาะสม เพื่อกันส่วนไว้สำหรับผู้ถือหุ้น การบริหารจัดการและการลงทุนในอนาคตด้วย พร้อมทิ้งท้ายว่า วันนี้ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่จะได้ตอบกระทู้เรื่องน้ำมัน ถึง 4 ครั้ง ทั้งกระทู้สด กระทู้ทั่วไป และกระทู้แยกเฉพาะ
จากนั้น นายครูมานิตย์ ได้ถามต่อว่า การที่หลายคนมุ่งถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในขณะนี้ เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันกำลังเป็นซุปเปอร์ความเดือดร้อนที่กระทบกับประชาชน เพราะไม่เพียงแต่ราคาน้ำมัน แต่ทราบว่า ค่าไฟฟ้า กำลังจะขึ้น รวมไปถึงแก๊ส LPG ด้วย พร้อมกันนี้ ยังฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้การพิจารณางบประมาณปี 2566 กำลังอยู่ในวาระแรก ขณะที่สงครามยูเครนยังไม่รู้จะยุติลงเมื่อไหร่ ดังนั้น รัฐบาลควรมีการพิจารณาเกลี่ยงบประมาณที่ไม่จำเป็น เช่น งบซื้ออาวุธต่างๆ มาเตรียมใช้ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันและวิกฤติพลังงานต่างๆ จะมีประโยชน์มากกว่า
นายสุพัฒนพงษ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจง และยอมรับว่า ทุกประเทศต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน แต่ทุกประเทศร่วมกันรณรงค์ประหยัดพลังงาน ซึ่งเห็นว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดมีพลังงานจังหวัด จึงอยากฝาก ส.ส.ทุกจังหวัด ช่วยดำเนินการอีกทาง พร้อมเสนอประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลขาสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา ก็จะเป็นอีกหนทางในประหยัดพลังงานได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการใช้เตาอังโล่ที่เป็นประเด็นในขณะนี้ว่า เป็นเพียงหนึ่งรูปแบบที่ยกให้เห็นถึงการประหยัดพลังงานที่ยังมีการใช้อยู่ในชนบท คงไม่ได้หมายถึงจะให้ใช้เตาอั้งโล่เพื่อแทนก๊าซหุงต้ม