เก็บ 4 หุ้นท่องเที่ยวตัวท็อป! รับ “ไทยเที่ยวไทย” ดันเม็ดเงินสะพัด 7 แสนลบ.
เก็บ 4 หุ้นท่องเที่ยวตัวท็อป! รับอานิสงส์ “ไทยเที่ยวไทย” ปีนี้โตทะลัก 161% ดันเม็ดเงินสะพัด 7 แสนลบ. ERW-CENTEL-MINT-SHR นำทีมเด่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นคาดว่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศไทยจะกลับมาคึกคัก โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ระบุว่า จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะสูงถึง 188.1 ล้านคน/ครั้ง หรือขยายตัว 161.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 7.2 แสนล้านบาท หรือ ขยายตัว 228%
จากกรณีดังกล่าวคาดว่าหุ้นท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์โดดเด่น ประกอบกับล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” ขยายจำนวนสิทธิเพิ่มอีก 1.5 ล้านสิทธิ รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ คาดจะเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมากขึ้น อาทิ ERW-CENTEL-MINT และ SHR
โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ระบุว่า จากการที่ภาครัฐประกาศให้พื้นที่ 77 จังหวัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถขยายเวลาเปิดปิดกิจการให้กลับสู่ภาวะปกติได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป รวมไปถึงการยกเลิกไทยแลนด์พาส ช่วยให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาคึกคักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะวิกฤตน้ำมันแพงทั่วโลกอย่างรวดเร็ว อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นได้น้อยกว่าคาด ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าความต้องการท่องเที่ยวเพื่อชดเชยช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงก่อนหน้า (Pent-Up Demand) ที่ยังมีสูง ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ โดยเฉพาะการใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเข้มข้นในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเพิ่มและขยายสิทธิ์ในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนต่อขยาย” อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนต.ค. และโครงการ “รัฐทัวร์ทั่วไทย” ที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐท่องเที่ยวได้ในวันธรรมดา โดยไม่ถือเป็นวันลาได้สูงสุด 2 วัน
ทั้งนี้ ttb analytics จึงประเมินว่า จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะสูงถึง 188.1 ล้านคน/ครั้ง หรือขยายตัว 161.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวราว 7.2 แสนล้านบาท หรือ ขยายตัว 228% สะท้อนจากตัวเลขผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยช่วง 4 เดือนแรกของปี 65 ที่เพิ่มขึ้นถึง 87.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 สร้างรายได้ 2.2 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 82.9% สอดคล้องกับข้อมูลเทรนด์สืบค้นจุดหมายปลายทางในประเทศ (Google Destination Insights) ที่มีสัญญาณดีขึ้นตามลำดับนับตั้งแต่ต้นปี
ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์(22 มิ.ย.65) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4″ ขยายจำนวนสิทธิเพิ่มอีก 1.5 ล้านสิทธิ รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนิน โครงการฯ จากเดิมเดือน พ.ค. เป็นเดือน ต.ค. 2565
โดยเน้นจังหวัดเมืองรองให้ มากขึ้น และให้ส่วนลดค่าโรงแรมที่พักที่ 40% ของราคาห้องพัก/ห้อง/คืน แต่ไม่ เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน จํากัดสิทธิคนละไม่เกิน 10 ห้อง หรือ 10 คืน รวม ตลอดโครงการ ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว สูงสุด 600 บาท/ ห้อง/คืน
นอกจากนี้ยังมีมาตรการส่งเสริมการประชุม จัดสัมมนา หรือ นิทรรศการในต่างจังหวัด ซึ่งหากบริษัทเอกชนไปจัดงานการประชุม สัมมนา หรืออีเวนท์ในต่างจังหวัดจะลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งในจังหวัดเมือง หลักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า และเมืองรองลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-ธ.ค.2565
ทั้งนี้ KTBST มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากการพิจารณาเพิ่มสิทธิ์ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ (ดีตามคาด) เมื่อเทียบกับ รอบที่ 1 ที่ 5 ล้านสิทธิ์, รอบ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์ และรอบ 3 ที่ 2 ล้านสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายในประเทศ
โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมากน้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW (88%), บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL(80%), บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT (15%) และ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR (5%) โดยคาดว่า ERW (ซื้อ/เป้า 3.90 บาท) และ CENTEL (ซื้อ/เป้า 50.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกจาก โครงการนี้มากที่สุด
ด้านมาตรการส่งเสริมการจัดประชุม สัมมนามองว่าจะ ช่วยให้กลุ่ม MICE มีการฟื้นตัวได้ดีเพราะแต่ละบริษัทจะได้ผลประโยชน์จากการ ลดหย่อนภาษี ซึ่งมอง CENTEL จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดเพราะมี ลูกค้ากลุ่ม MICE อยู่เยอะ ทำให้คาดว่า CENTEL จะได้ประโยชน์จากทั้ง 2 เรื่องนี้มากที่สุด ขณะที่เรายังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด”