“พชร อารยะการกุล” ยันผลงาน BBIK แกร่ง ลั่นกลองเชื่อมโยงตลาดโลก!
“พชร อารยะการกุล” ลั่นกลองเชื่อมโยงตลาดโลก เพื่อหาขีดความสามารถใหม่ๆที่มาจากต่างประเทศ ย้ำ BBIK ผลงานคือจุดแข็งความสำเร็จ
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยในงาน Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE IV: STARTUP SME TO MEGATREND งานสัมมนาออนไลน์รูปแบบ Virtual LIVE แห่งปีที่ หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.65 ว่า ช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัทนั้น เริ่มเห็นช่องทาง Project Digital Transformation คือการนำเรื่องของเทคโนโลยีกับธุรกิจมารวมกัน โดยตอนนั้นมีแนวโน้มของมาร์เก็ตแคปที่กำลังเติบโต ทำให้เราและเพื่อนๆที่ร่วมกันก่อตั้งที่มาจากหลากหลายสาขาวิชาชีพร่วมกันเดินหน้าพัฒนาบริษัทฯ นี้
โดยเริ่มแรกการก่อตั้งบริษัทฯ จนถึงปีที่ 5 บริษัทฯ มีพนักงานเพียง 5-10 คน ถัดมา 2-3 ปี มีเพิ่มขึ้นเป็น 100 คน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการติดต่อของลูกค้าที่เข้ามาเพื่อใช้บริการของบริษัทฯ ทำให้รู้ว่านี่คือจุด Tipping point ของบริษัทฯ
สำหรับเบื้องต้นที่เป็น STARTUP ตอนนั้นบริษัทฯ ยังมีเงินทุนที่น้อย และเรื่องความเชื่อมั่นที่บริษัทฯ กำลังจะเดินไป ถือเป็นความท้าทาย จน 8 ปีผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์และผ่านโลกที่เป็น STARTUP มาทุกรูปแบบ จากบริษัทที่ไม่มีอะไรเลย จนกลายเป็นบริษัทที่มีการเติบโตปีละ 70-100% มาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้จุดแข็งที่ดึงดูดให้ลูกค้าหรือผู้ลงทุนเข้ามาหาและลงทุนกับบริษัทฯ คือ “ผลงาน” ที่จะเป็นตัวพิสูจน์ แม้ช่วงแรกจะไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่พอผลงานออกมาก็จะเห็นเนื้องานและผลการสร้างที่มากขึ้น ซึ่งผลงานของบริษัทฯ ตรงนี้ไม่ได้ดึงดูดแค่ลูกค้าที่จะมาใช้บริการ แต่ในระหว่างทางยังดึงเอาผู้ร่วมงานที่เป็นบุคลากรใหม่ๆที่มีความเชื่อมั่นในบริษัทฯ เข้ามาเสริมความแข็งแรงให้กับองค์กรอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทุก STARTUP กว่าจะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ได้ต้องใช้เวลา จนถึงจุดหนึ่งที่จะมีจุดที่ไปถึง Tipping point ของตัว S Curve ซึ่ง Products ของบริษัทฯ คือ การบริการที่จะเข้าไปช่วยองค์กรขนาดใหญ่ ในการทำTransformation
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่แค่ได้เงินระดมทุน แต่ยังได้โอกาสที่ทางธุรกิจ และได้ความยั่งยืน รวมถึงยังจูงใจบุคคลกรให้อยู่ทำงานกับบริษัท เพราะถือเป็นความเสี่ยงของทุกองค์กร
โดยปัจจุบันบริษัทฯ พร้อมจะก้าวไปสู่การเชื่อมโยงกับตลาดโลก ไม่ได้มองแค่ตลาดเมืองไทย และยังมองที่จะหาขีดความสามารถใหม่ๆที่มาจากต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ไม่ตั้งบริษัทย่อยที่ประเทศอินเดีย และจะเปลี่ยนให้เป็น Global Company