KBANK ผนึก JMT ร่วมทุน 1 หมื่นล.ตั้ง JK AMC เสริมแกร่งบริหาร NPL หวังขึ้นแท่น AMC เบอร์ 1
KBANK ผนึก JMT ร่วมทุน 10,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท JK AMC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด ตั้งเป้าขึ้นแท่น AMC เบอร์ 1 ของประเทศ
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ NPL มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น การร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ขึ้นมา จึงเป็นอีกทางเลือกในการบริหารหนี้เสียของธนาคาร เพิ่มเติมจากการบริหารจัดการเองภายใน หรือการเปิดประมูล โดยธนาคารจะเลือกวิธีการบริหารที่มีประสิทธิภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
โดยในส่วนของการขายหนี้เสียให้ JK AMC นอกจากธนาคารจะได้รับเงินจากการขายหนี้แล้ว ธนาคารจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของการบริหารหนี้จาก JK AMC ด้วย ในฐานะผู้ถือหุ้น JK AMC ในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งธนาคารลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION)
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีแผนโอนขายหนี้ NPL ให้ JK AMC จำนวน 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 ซึ่งการขายหนี้ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ NPL และการตั้งสำรองในอนาคตของธนาคารลดลง ทำให้ธนาคารมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้
ด้านนายปิยะ พงษ์อัชฌา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และกรรมการบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวว่า แนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 90 ของ GDP ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว และความเปราะบางของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ยิ่งจะทำให้สถานการณ์หนี้ด้อยคุณภาพมีโอกาสเพิ่มขึ้น ซึ่งหนทางในการแก้ปัญหาหนึ่งในนั้นต้องขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการนำกลไกของ AMC มาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด ทำให้ KBank และ JMT ได้หารือกันเพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว โดยได้บรรลุข้อตกลงเพื่อร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน JK AMC ขึ้นมาได้ โดยกลุ่ม JMT ได้ลงทุนผ่านบริษัทย่อย บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด (JAM)
ทั้งนี้ JK AMC ถือเป็นบริษัทร่วมทุนแห่งแรกในไทยที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ด้วย JMT มีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารกสิกรไทยมายาวนาน มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจนี้ รวมทั้งยังมีบริษัทในเครือที่จะช่วยให้ JK AMC ดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ นอกจากนี้การจัดตั้ง JK AMC ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือผ่านข้อเสนอการชำระหนี้ที่เหมาะสม เมื่อปรับตัวดีขึ้นก็จะสามารถกลับมาขอสินเชื่อในระบบต่อไป
ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า JK AMC มีเงินทุนเริ่มต้นในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 10,000 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซื้อหนี้เสียทั้งที่มีหลักประกัน (Secure) และไม่มีหลักประกัน (Unsecure) จากธนาคารกสิกรไทย สถาบันการเงิน หรือบริษัทอื่นๆ มาบริหารจัดการ โดยตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ภายใน 3 ปีนี้
ทั้งนี้ ศักยภาพทางธุรกิจของ JK ที่จะส่งเสริมให้ไปถึงเป้าหมายทางธุรกิจได้คือ 1. ความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารหนี้ของ JMT และ JMT ยังมีบริษัทในกลุ่มที่จะช่วยให้ JK AMC มีต้นทุนที่แข่งขันได้ 2. การใช้ช่องทางต่างๆ ของธนาคารช่วยประชาสัมพันธ์ทรัพย์ NPA ไปสู่ลูกค้าที่สนใจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ซื้อทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ และ 3. โอกาสเพิ่มมูลค่าธุรกิจอื่นๆ ให้ครบวงจร เช่น การรับปรับปรุงบ้านให้กับผู้ซื้อทรัพย์ด้อยคุณภาพ และราคาที่สมเหตุสมผล การช่วยเหลือลูกค้าที่มีประวัติเครดิตที่ดี เป็นต้น โดยบริษัท JK AMC ได้ถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการ และเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป