FSSIA แนะซื้อ 4 “หุ้นพลังงาน” รับอานิสงส์ราคา “น้ำมัน-ถ่านหิน-ก๊าซ” พุ่ง

FSSIA แนะสอย 4 “หุ้นพลังงาน” หลังมองราคา “น้ำมัน-ถ่านหิน-ก๊าซ” ปี 65-67 ปรับตัวขึ้นราว 40-100% ชู PTTEP-BANPU-ESSO-IVL เด่นสุด


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงานในประเทศไทยสืบเนื่องจากความเสี่ยงที่ยุโรปจะเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงานอันเป็นผลจากการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ทางฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซเพิ่มขึ้นราว 40-100% ในปี 65-67

โดย FSSIA ระบุว่าการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นจากยุโรป และสหรัฐฯต่อเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียทำให้ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าความเสี่ยงด้านความแคลนแคลนก๊าซกำลังก่อต่อในยุโรปขณะที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาบนพื้นฐานที่ปริมาณก๊าซทดแทนที่ใช้แทนก๊าซจากรัสเซียนั้นไม่เพียงพอ นอกจากนั้น FSSIA มองว่านโยบายที่ทางรัสเซียกำหนดขึ้นใหม่ในการตั้งเพดานราคาก๊าซ และน้ำมันจะยิ่งเป็นตัวถ่วงในการเติมก๊าซเข้ามายังแหล่งเก็บของยุโรปที่ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ ในช่วง 100 วันหลังเกิดสงครามในวันที่ 24 ก.พ.65 รัสเซียรับรู้รายได้ 9.7 หมื่นล้านดอลลาร์จากการส่งออกพลังงาน โดย 2 หมื่นล้านดอลลาร์นั้นเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. เพียงเดือนเดียว โดยในปีที่ผ่านมา รัสเซียส่งออกน้ำมันคิดเป็น 63% ของรายได้การส่งออก 32% สำหรับก๊าซ และ 5% สำหรับถ่านหิน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหน้าหนาวในยุโรปปีนี้และปีหน้าจะหนาวมากหรือน้อย มองว่าความต้องการก๊าซที่เทียบเท่า LNG 223 ล้านตันเป็นอย่างต่ำไม่น่าจะสามารถหาได้จากที่อื่น ซึ่งจะทำให้ยุโรปไม่มีพลังงานที่จะใช้สร้างความอุ่นในบ้านเรือน อ้างอิงจากข้อมูลช่วงหน้าหนาวในปี 53-62 ยุโรปมีการใช้พลังงานไป 2,800 TWh หรือเทียบเท่า LNG 223 ล้านตัน ในช่วงที่ความหนาวไม่รุนแรง

ขณะที่มีการใช้พลังงานไป 3,600 TWh หรือเทียบเท่า LNG 255 ล้านตันในช่วงที่มีความหนาวมากกว่าปกติ โดยในช่วงเวลานั้นมีความผันผวนของอากาศในปี 53-54 ที่ปรับตัวลดลงถึง −17.3°C (0.9°F) ในช่วงหน้าหนาวเดือนพ.ย.53

โดย FSSIA คาดว่าการตึงตัวของอุปทานท่ามกลางความต้องการที่สูงขึ้นหลังการเปิดประเทศเต็มรูปแบบของเศรษฐกิจทั่วโลก และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นในปี 65-67 ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้น 20-22% สู่ระดับ USD120/110/110 ต่อบาร์เรล ด้านราคาถ่านหิน Newcastle ปรับขึ้น 50-67% สู่นระดับ USD300/250/250 ต่อตัน ส่วนคาดการณ์ราคาก๊าซ Henry Hub ปรับเพิ่มขึ้น 40-50% แตะ USD7/6/6 ต่อ mmbtu และราคา JKM spot LNG ปรับเพิ่ม 88-100% สู่ระดับ USD20/15/15 ต่อ mmbtu

ทั้งนี้ FSSIA คงมุมมอง Overweight ต่อกลุ่มพลังงานของไทย แนะนำหุ้น PTTEP ราคาเป้าหมาย 176 บาท และ BANPU ราคาเป้าหมาย 18.80 บาท สำหรับหุ้นต้นน้ำ ส่วน IVL ราคาเป้าหมาย 70 บาท และ ESSO ราคาเป้าหมาย 12.90 บาท เป็นหุ้นปลายน้ำที่ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ

Back to top button