โบรกมอง SET ก.ค. เสี่ยงปรับฐาน แนะสอย 5 หุ้น Laggard ชี้กรอบดัชนี 1,520-1,620 จุด

โบรกมอง SET ก.ค. เสี่ยงปรับฐานแนะสอย 5 หุ้น Laggard ชู CK-CPN-GFPT-KTB-MAKRO ชี้กรอบดัชนี 1,520-1,620 จุด


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์(1 ก.ค.2565) ว่า ดัชนี SET Index ยังผันผวนสูงฟื้นตัวจำกัด และยังเสี่ยงปรับฐานจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อทั่วโลกที่สูงยาว ทำให้ดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆต้องปรับขึ้นเร็วและเพิ่มโอกาสเกิด Recession ในปีหน้า มองตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3/2565 จะมีความสำคัญต่อการลงทุนในไตรมาส 4/2565-ปี 2566

อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศยังได้เรื่องเศรษฐกิจที่เร่งตัวตามการ Reopening ช่วยประคอง กลุ่มธนาคารได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นและ Valuation ยังต่ำ โดยประเมินกรอบดัชนีที่1,520-1,620 จุดเดือนนี้ และมองจังหวะปรับฐานลงใกล้กรอบล่างในการเข้าสะสมหุ้น ยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่ราคายัง Laggard และ Valuation ต่ำ เทียบกับก่อน COVID-19 เดือนกรกฎาคมนี้ แนะนำ CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO

ความผันผวนยังสูง การฟื้นตัวยังจำกัด SET Index ปรับตัวลงแรงในเดือน มิ.ย. ราว 2% ในครึ่งเดือนแรกจากความกังวลเงินเฟ้อทั่วโลกที่สูง รวมถึงความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวและมีโอกาสเกิด Recession ทำให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในเดือน มิ.ย. 2.3 หมื่นลบ.ก่อนจะฟื้นตัวได้บ้างในครึ่งหลัง อย่างไรก็ตามเราประเมินว่าการลงทุนเดือน ก.ค. จะยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยยังมีโอกาสเห็นเม็ดเงินต่างชาติยังค่อนไปในทิศทางไหลออกต่อเนื่องเราประเมินว่าช่วงไตรมาส 3/2565 จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวต่อและตลาดรอติดตามปัจจัยสำคัญคือเงินเฟ้อโดยเฉพาะในสหรัฐฯว่าจะเริ่มมีสัญญาณชะลอการปรับขึ้นบ้างหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของดัชนีในไตรมาส4/2565-ปี 2566

จับตาเงินเฟ้อ มิ.ย. และการขึ้นดอกเบี้ยของ FED อีก 0.75% สหรัฐฯจะมีการประกาศตัวเลขเง6นเฟ้อ CPI เดือน มิ.ย.วันที่ 13 ก.ค. ซึ่งต้องติดตามว่าจะเห็นสัญญาณชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ โต 1% เทียบเดือนก่อนหน้า,โต 8.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในครึ่งปีหลัง 2565

โดยการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 21-22 ก.ค. ปัจจุบันตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.25-2.50 กรณีหากออกมาสูงกว่ามีโอกาสที่ตลาดจะปรับคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตเช่นเดียวกับฝั่งยุโรปที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงและทาให้ ECBอาจต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นกันในไตรมาส 3/25652 หลังดาเนินนโยบายการเงินนในระดับต่ำและติดลบมายาวนาน เช่นเดียวกับ BoE ที่คาดยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งใกล้แตะระดับ 2 หลัก ภาพรวมทั้งหมดจึงยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ยังมีโอกาสพักฐานหรือปรับขึ้นได้จากัดในระยะนี้

ในประเทศเริ่มโฟกัสกาไรกลุ่มธนาคาร-เปิดประเทศ ปัจจัยในประเทศยังพอช่วยประคองให้การปรับลงของ SET Index ให้ไม่แรงเท่ากับภูมิภาคอื่นๆ จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ยกเลิก Thailand Passสาหรับชาวต่างชาติ การให้ถอดหน้ากากตามความสมัครใจและการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในระยะถัดไป หนุนภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวและจะเป็นบวกต่อทุกๆ Sector ในทางอ้อมส่งผลให้ GDP ของไทยอยู่ในทิศทางเร่งตัวตามคาดการณ์ของตลาดปีนี้ที่ราวโต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปีหน้าโต 4% เทียบช่วงเดียวของปีก่อน นอกจากนี้จะเริ่มเห็นการ Preview และประกาศกำไรกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 2/2565 ซึ่งคาดทยอยฟื้นตัวตามการReopening และคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ครั้งแรกในเดือน ส.ค. ที่ 0.25% ขึ้นเป็น 0.25% รวมถึงคาดปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า

ขึ้นลดพอร์ต และรอสะสมช่วงปรับฐาน จากปัจจัยที่กล่าวมา เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน ก.ค. ที่ 1,520-1,120 จุด โดยมองที่ผ่านมาเป็นการ Rebound ระยะสั้น ขณะที่ Upside ดัชนียังไม่กว้างนักจาก Valuation ที่ค่อนข้างตังตัวเทียบกับ SET Target ปีนี้ปรับลงเหลือ 1,670 จุด และปัจจุบันเทรด PER ราว 11.2 เท่า เรามองจังหวะการปรับขึ้นเป็นโอกาสลดพอร์ตระยะสั้น และรอสะสมช่วงตลาดปรับฐานลงหาแนวรับหลักบร6เวณ 1,520+- จุด ยังเน้นหุ้น Value Play ที่ราคายังLaggard อยู่ในระดับต่า และ Valuation ไม่สูงเทียบกับก่อนCOVID-19 เราเลือก Top Pick 5 ตัว สาหรับเดือน ก.ค.ได้แก่ CK CPN GFPT KTB MAKRO

สำหรับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ทิศทางการรับงานใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาด Backlog ไต่ระดับขึ้นจากปัจจุบัน 6.5หมื่นล้าน แตะ 1.3 แสนล้านบาทในปีนี้ โดยยังไม่รวมการเข้าประมูลงานใหม่อีกหลายโครงการ ระยะสั้นมี Catalyst จากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งมองว่ากลุ่ม BEM-CK มีแต้มต่อบวกกับแนวโน้มงบไตรมาส 2/2565 สดใส ส่วนระยะกลาง-ยาวเป็นบวกจากการเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ของการก่อสร้าง หุ้นเทรดบน PBV 1.3x ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ยังแนะนาซื้อและเป็น Top Pick

ส่วน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN คงแนะนาซื้อหลังปรับราคาเป้าหมายเป็น 85 บาทเราคงแนะนาซื้อหลังปรับราคาเป้าหมายจาก 82 เป็น 85 บาท (DCF) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกาไรต่อหุ้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติต่อหุ้นในปี 2565-2567 อีก 14.5-21.5% เพื่อสะท้อน 1) สมมติฐานรายได้ที่สูงขึ้นอีก 14.9-16.5% หลังการควบรวม SF และการเพิ่มพื้นที่เช่าสุทธิอีก 17.5-19.7% ในปี 2565-2567; และ 2) อัตรากาไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อสะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่ลดลงของ CPN หลังการแพร่ระบาด Covid-19

ด้านบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 ยังสดใสต่อเนื่อง และคาดจะเร่งขึ้นไตรมาส 3/2565 มีลุ้นทาจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งภายหลังราคาไก่หน้าฟาร์มยังปรับขึ้นต่อเฉลี่ยไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 42 บาท/กก. โต 3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และล่าสุดขยับขึ้นแตะระดับ 47-50 บาท/กก. แล้ว จากความต้องการที่สูงขึ้นทั้งในประเทศ (ทดแทนหมูที่หายไป และแพงขึ้น) และการส่งออกที่กลับฟื้นหลังโควิดคลี่คลาย และปัญหาสายเรือเริ่มผ่อนคลายอีกครั้ง ภาพรวมกำไรครึ่งแรกปี 2565 ดูดีกว่าที่เคยคาดไว้ เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มกาไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 9% เป็นการเติบโตราว 7.7 เท่าตัวจากปีก่อน และอาจปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19-19.2 บาท จากปัจจุบันที่ 17.5 บาท (อิง PE 15 เท่า)

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็นที่หลบภัยสาหรับการลงทุน ธนาคารฯ น่าจะเกาะกระแสเศรษฐกิจขาขึ้นโดยการทาเงินจากแอพเป๋าตัง นอกจากนี้มูลค่าของหุ้นยังดูน่าสนใจที่ 0.5x ของ 2022E P/BV เทียบกับ ROEที่ 7.2% และอัตราการเติบโตของกาไรสุทธิปี 2565 ที่เพิ่มขึ้น 25% ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.4 บาท (GGM)

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO รอให้ Lotus’s เจริญเติบโตคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 52 บาท (DCF) คิดว่ากำไรสุทธิของ MAKRO น่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 จากผลประกอบการของ Lotus’s

Back to top button