“หุ้นยุโรป” ปิดทรงตัว วิตกเศรษฐกิจถดถอยกดดันตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันศุกร์ (1 ก.ค.65) โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัยได้บดบังแรงขายหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์

ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ในเดือนก.ค.นี้ โดยข้อมูลที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดและแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในเดือนมิ.ย. ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB เนื่องจากอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับสูงสุด

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 407.13 จุด ลดลง 0.07 จุด หรือ -0.02% ส่วนดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,931.06 จุด บวก 8.20 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.14%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,813.03 จุด บวก 29.26 จุด หรือเพิ้่มขึ้น 0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.65 จุด ลบ 0.63 จุด หรือ ลดลง0.01%

ขณะที่ดัชนี STOXX 600 ร่วงลง 1.4% ในสัปดาห์นี้ และดิ่งลงมากกว่า 16% แล้วในปีนี้  เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนนั้นทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ด้านหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 2.9-5.4% หลังบริษัทไมครอน เทคโนโลยีซึ่งเป็นบริษัทชิปหน่วยความจำของสหรัฐเปิดเผยแนวโน้มธุรกิจที่อ่อนแอกว่าคาดเมื่อวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.)

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.0%, กลุ่มเหมืองแร่ร่วง 2.5% รวมถึงหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วงลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์จากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหนุนหุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค, สินค้าอุปโภคบริโภค, เทเลคอม และเฮลท์แคร์