โบรกเชียร์ซื้อ STEC ชูเป้า 17.50 บ. คาดกำไรไตรมาส 2 แตะ 282 ลบ. โต 125%
โบรกเชียร์ซื้อ STEC ชูเป้า 17.50 บ. คาดกำไรปกติ Q2/65 แตะ 282 ล้านบาท โต 125% จากงวดเดียวของปีก่อน รับอานิสงส์จากขยายตัวดีจาก GPM ทรงตัวสูง คาดว่ารายได้ก่อสร้างจะยังอยู่ในระดับมากกว่า 7 พันล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนจากงานเดิมที่ยัง progress ได้ดีต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าหินกอง รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง รวมถึงการทยอยเริ่มงานใหม่ ได้แก่ ทางคู่เด่นชัยฯ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และมอเตอร์เวย์ M6 และ M81
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ถือว่าเป็นอีกบริษัทในกลุ่มก่อสร้างที่น่าจับตาโดยเฉพาะผลประกอบการนับจากนี้ไปหลังจากบริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ค. 65) ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2 ปี 65 อยู่ที่ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้กำไรปกติที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดย 1) GPM ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเป็น 5.4% จากไตรมาส 2 ปี 64 ที่ 3.2% หลังจากที่โครงการรัฐสภามีการส่งมอบไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 64 ซึ่งเป็นงานไม่มีมาร์จิ้น และ 2) สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายขึ้น ส่งผลให้งานก่อสร้างทำได้คล่องตัวขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายมาตรการต่างๆ ลดลง โดยรายได้เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ SG&A/Sale ลดลงเป็น 2.5% จากไตรมาส 2 ปี 64 ที่ 2.9% ด้านกำไรปกติที่ขยายตัวจากไตรมาสก่อน หลักๆได้อานิสงส์จากเงินปันผลจาก GULF และ TSE รวมราว 103 ล้านบาท แต่ถูก offset บางส่วนโดยรายได้ก่อสร้างที่ชะลอตัวตามฤดูกาลจากช่วงวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตาม ประเมินรายได้ก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 65 จะยังอยู่ในระดับมากกว่า 7 พันล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนจากงานเดิมที่ยัง progress ได้ดีต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าหินกอง รถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง เป็นต้น รวมถึงการทยอยเริ่มงานใหม่ ได้แก่ ทางคู่เด่นชัยฯ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และมอเตอร์เวย์ M6 และ M81
นอกจากนี้การกำไรปกติปี 65 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประเมิน ณ สิ้น ไตรมาส 2 ปี 65 backlog จะยังทรงตัวสูงในระดับ 1 แสนล้านบาท (รวมงานอู่ตะเภา) ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่งานอู่ตะเภา คาดเริ่มงานได้ในช่วงปลายปี 65-ต้นปี 66 สำหรับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ปัจจุบัน STEC อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์ โดยมองว่ามีโอกาสสูงที่บริษัทจะจับมือจัดตั้ง JV ร่วมกับ BTS รวมถึงผู้รับเหมาอื่นในการเข้าร่วมประมูล แม้ปัจจุบัน STEC จะมีเพียงผลงานออกแบบก่อสร้างรางรถไฟที่แล้วเสร็จตามเกณฑ์ประมูลของ รฟม. แต่ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลเพียงขั้นตอนการยื่นประมูล ซึ่งจะไม่เป็นข้อจากัดและไม่กระทบต่อการแบ่งงานก่อสร้างภายในกลุ่ม JV หากชนะประมูล
ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 17.50 บาท อิงปี 65 ค่า PER 24 เท่า โดย STEC ยังมี catalysts จากการประมูลสายสีส้มและการเริ่มงานก่อสร้างโครงการอู่ตะเภาอย่างเป็นทางการ สาหรับ key risks ได้แก่ GPM และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่อาจผันผวนมากกว่าคาด รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ