ช็อก! สมาคมประกันฯ เจอ “เอกสารปลอม” เคลมโควิด 500 ล้านบาท
สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า บริษัทสมาชิกแจ้งข้อมูลการตรวจสอบ ล่าสุดเจอเอกสารปลอม เพื่อรับค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด-19 แล้วกว่า 500 ล้านบาท ย้ำฉ้อฉลประกันภัยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้รับแจ้งจากบริษัทสมาชิกของสมาคมหลายบริษัท ว่าพบผู้ที่ทำประกันภัยโควิด-19 ใช้เอกสารปลอมในการยื่นขอรับเงินค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นจำนวนแล้วกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้มีผู้ทำประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก บริษัทประกันวินาศภัยที่รับประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ จึงได้เร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ทำประกันภัยที่ติดเชื้อโควิด-19 ให้รวดเร็วที่สุด เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ทำประกันภัย
เนื่องจากจากการเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ทำให้การตรวจสอบเอกสารต่างๆ จำนวนมหาศาลที่ผู้ทำประกันภัยโควิด-19 ได้ส่งมาให้บริษัทประกันภัยเพื่อแสดงหลักฐานในการขอรับค่าสินไหมทดแทน อาจทำได้ไม่ถี่ถ้วนทั้งหมด ส่งผลให้มีผู้ทำประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบจำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้เอกสารปลอมยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ได้รับเงินไปเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์การเร่งจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนได้คลี่คลายลง บริษัทประกันภัยได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง โดยได้ประสานงานกับโรงพยาบาลหรือสถานที่รับตรวจการติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และพบว่า มีผู้ทำประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบที่ไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนหลายพันราย ได้ใช้เอกสารปลอมเพื่อยื่นขอรับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยและได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว
โดยเอกสารปลอมที่ผู้ทำประกันภัยนำมาใช้ในการยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทน มีทั้งเอกสารข้อมูลผู้ป่วยปลอม โดยนำหมายเลขประจำตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล (Hospital Number) ของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 รายอื่นมาใช้เป็นหมายเลขประจำตัวผู้ป่วยของตนเอง รวมทั้งมีการทำเอกสารใบรับรองผลตรวจโควิด-19 ปลอมด้วยเป็นจำนวนมาก
การกระทำในลักษณะดังกล่าวจัดว่าเป็นการฉ้อฉลประกันภัยและผู้ที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัยจะต้องรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ประกันภัยถือเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้เอาประกันภัยที่สุจริตเท่านั้น