SET สัปดาห์นี้ Sideways Down จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เน้นลงทุนหุ้น 60% แนะ BDMS-JMT-CPF
โนมูระฯ” ชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways Down จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ 13ก.ค.นี้ กลยุทธ์ลงทุนถือหุ้น 60% เน้นกลุ่ม “เปิดเมือง-บาทอ่อน-เทคฯ” ราคาลงลึก ชู BDMS-JMT-CPF เด่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ (11-15 ก.ค. 2565) จากบทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน โดยระบุว่า สัปดาห์นี้ “Sideways Down” โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,578-1,583 จุด ส่วนแนวรับ 1,530-1,523 จุด ขณะที่ในประเทศจีนโควิด-19 กลับมาระบาดเพิ่มขึ้น และนโยบาย Zero COVID Strategy ยังเข้มเป็นความเสี่ยงตลาดที่ปัจจุบันมองภาพบวกต่อเศรษฐกิจจีน
ส่วนช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รมว.กระทรวงการคลังประเทศจีน คาดว่าจะออกมาตรการกระตุ้น ภายใต้เม็ดเงิน 2.2 แสนล้านเหรียญฯ แม้ยังเป็นสัดส่วนเพียง1.25% ของ Nominal GDP ผลบวกอาจจะยังไม่มากนัก จนกว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติม
นอกจากนี้ติดตามความคืบหน้าความพยายามดำเนินลดแรงกดดันเงินเฟ้อภายใต้นโยบายคุณโจ ไบเดน 1) การพิจารณาผ่อนคลายกำแพงภาษีนำเข้ากับจีนและ 2) กำหนดการเยือนประเทศซาอุดิอาระเบีย 13-16 ก.ค. ซึ่งอาจจะมีการเจรจาขอเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันมากขึ้น
ส่วนประเด็นอดีตนายกญี่ปุ่นฯถูกทำร้าย : คาดกระทบตลาดสินทรัพย์เสี่ยง Japan ในแง่ Sentiment สร้างแรงกดต่อการบริโภคในญี่ปุ่น และกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ
นอกจากนี้จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐเดือน มิ.ย. 2565 ที่จะประกาศ 13 ก.ค. ตลาดคาดโต 8.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นจากพ.ค.2565 ที่โต 8.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และตามด้วยการประกาศ PPI มิ.ย.2565 ตลาดคาดโต 10.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนชะลอลงจากพ.ค.2565 ที่ โต 10.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งติดตามมาตรการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายระยะเวลาอยู่ในประเทศไทย (มีผลถึงสิ้นสุดปี 2565) ที่ ททท.เสนอเรื่องเข้า ศบค. และติดตามสถานการณ์ระบาด COVID ในประเทศระลอกใหม่ แม้ผู้ป่วยตามรายงานรัฐฯ ยังไม่สูงขึ้นอย่างมีนัยฯ แต่เริ่มมีกระแสการระบาดเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มนักเรียน ซึ่งอาจทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจและท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวคึกคักน้อยลง
กลยุทธ์การลงทุน : คงน้ำหนักหุ้นไทยระดับ 55%-60% กรอบแนวรับบริเวณ 1,550-1,530 จุด ที่เริ่มแนะนำเป็นจุดเริ่มสะสมเพิ่มการลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังพอรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์หน้าได้ กรอบเพิ่มน้ำหนักถัดไปให้พิจารณาอีกครั้งเมื่อตลาดปรับฐานลงมา 1,510-1,480 จุด เน้น 1) หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า มีเกราะป้องกันเงินเฟ้อ/เศรษฐกิจ (SAPPE,ASIAN, GFPT, CPF, BDMS, BH) หุ้น Anti-Commodities ที่เริ่มมีปัจจัยหนุนต้นทุนผ่านพีค(SCGP, GPSC, BGRIM, CBG)
2.ส่วนหุ้น Reopening/Value ที่ลงแรงกว่าตลาด แนะนำลงทุนเพื่อระยะกลาง-ยาว (PLANB, HMPRO, ADVANC, TIDLOR, AMATA, SINGER, CRC,DTAC, CPALL, MAJOR, MAKRO, BEM, CRC) และ 3.) กลุ่มที่มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาดคาด(MAKRO, EKH, AU, ERW) ส่วนหุ้นเทคฯ/เติบโตที่มีพื้นฐานแกร่ง (JMT, JMART, BE8, BBIK,INSET, KCE) เน้นตั้งรับสะสมลงทุนระยะยาว
ด้านหุ้นเด่นสัปดาห์นี้: แนะนำ BDMS, JMT,CPF โดย CPF ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท : สินค้าอาหารทนทานต่อเศรษฐกิจถดถอย กำไรเข้าสู่จุดเริ่มฟื้นเด่น ส่วน JMT ราคาเป้าหมาย 104 บาท : หุ้นปรับฐาน ขณะที่พื้นฐานแกร่งกำไรยังมีแนวโน้มทำ New High และ BDMS ราคาเป้าหมาย 29.30 บาท : ทนทานเศรษฐกิจถดถอย ลุ้น Upside ลูกค้าใน+นอกประเทศ