“หุ้นยุโรป” ปิดบวก รับแรงซื้อหุ้นธุรกิจเดินทาง-สินค้าหรู
“หุ้นยุโรป” ปิดบวก รับแรงซื้อหุ้นธุรกิจเดินทาง-สินค้าอุปโภค โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.04 จุด บวก 2.02 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.49%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (12 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจการเดินทางและกลุ่มสินค้าหรู อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตพลังงานในยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด หรือ +0.49% ส่วนดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,044.20 จุด เพิ่มขึ้น 47.90 จุด หรือ +0.80%
ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,905.48 จุด เพิ่มขึ้น 73.04 จุด หรือ +0.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,209.86 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.18%
โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในช่วงท้ายตลาด ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มธุรกิจการเดินทาง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการดีดตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นแอร์บัส ทะยานขึ้น 3.9%
ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าหรูและสินค้าอุปโภคปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นลอรีอัล พุ่งขึ้น 2.8%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตอุปทานพลังงานในยุโรป หลังจากบริษัท Nord Stream AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่ง Nord Stream 1 ประกาศปิดท่อส่งดังกล่าว ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค.
ทั้งนี้ ตลาดกังวลว่า รัสเซียจะยังคงตัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค.
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีดิ่งลงสู่ระดับ -53.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากระดับ -28.0 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -38.3
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตพลังงานในเยอรมนี, การที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการที่ธนาคารกลางยุโรปเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย