“ดาวฟิวเจอร์” ดิ่ง 500 จุด หวั่น “แบงก์” กำไรแย่-“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยแรง

“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” ดิ่ง 501 จุด ลงมาที่ระดับ 30,256 จุด กังวลตัวเลขกำไร "แบงก์" ออกมาย่ำแย่ หลังเศรษฐกิจถดถอย วิตก “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 1% ในการประชุมเดือน ส.ค.65 หลังเงินเฟ้อพุ่งสูง


ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 500 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของธนาคารสหรัฐ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

โดย ณ เวลา 20:32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 501 จุด หรือ 1.63% สู่ระดับ 30,256 จุด

ทั้งนี้ราคาหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส และมอร์แกน สแตนลีย์ ต่างดิ่งลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังเปิดเผยว่าทางธนาคารมีกำไรลดลงในไตรมาส 2

ส่วนนักวิเคราะห์เตือนก่อนหน้านี้ว่าธนาคารสหรัฐจะรายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง เนื่องจากมีการเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญ ท่ามกลางแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ กฎระเบียบที่มีการบังคับใช้ในเดือนม.ค.2563 กำหนดให้ธนาคารต่างๆจะต้องนำปัจจัยแนวโน้มเศรษฐกิจเข้ารวมในการพิจารณากันสำรองหนี้สูญ

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชสกล่าวเตือนในเดือนที่แล้วว่า สหรัฐกำลังเผชิญพายุเฮอร์ริเคนด้านเศรษฐกิจ ขณะที่นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า มีโอกาส 50% ที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ จะรายงานในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในเดือนนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากการที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

โดยที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.2% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.9%

ส่วนตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงน้อยกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% แต่ก็แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าเกณฑ์การเกิดภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

Back to top button