“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 658 จุด รับแรงหนุนงบ “บจ.”-ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 658.09 จุด ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดตัวเลขยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน, ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,288.26 จุด พุ่งขึ้น 658.09 จุด หรือ +2.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,863.16 จุด พุ่งขึ้น 72.78 จุด หรือ +1.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,452.42 จุด พุ่งขึ้น 201.24 จุด หรือ +1.79%
ส่วนในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังคงติดลบ 0.2%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.9% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.6%
สำหรับหุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก โดยกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นมากที่สุด 3.5%
โดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2524 โดยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน และยอดขายรถยนต์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนพ.ค.
ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.0 ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.3% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
สำหรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย ขณะที่บริษัท 35 แห่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และ 80% ของบริษัทเหล่านั้นรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นนำตลาด หลังซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
โดยดัชนี S&P500 กลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 5.8% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2563
ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 13.2% หลังเปิดเผยผลกำไรที่สูงกว่าคาด ขณะที่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่ง 6.2% แม้เปิดเผยผลกำไรลดลง
ขณะที่หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านเฮลท์แคร์ พุ่งขึ้น 5.4% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
นอกจากนี้หุ้นแบล็คร็อก ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 2.0% แม้เปิดเผยผลกำไรลดลงมากกว่าคาด
อย่างไรก็ดีตลาดยังได้แรงหนุนหลังนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ในเดือนนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ซึ่งบ่งชี้ว่า มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนนี้
ส่วนในสัปดาห์หน้านั้น นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ อาทิ โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส คอร์ป, เน็ตฟลิกซ์, เทสลา และทวิตเตอร์