KBANK ชี้กรอบบาทสัปดาห์หน้า 36.30-37.10 บ. จับตาฟันด์โฟลว์-ผลประชุม 4 แบงก์ชาติ

KBANK คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 36.30-37.10 บ. แนะจับตาฟันด์โฟลว์, ส่งออกไทยเดือนมิ.ย. และผลประชุมธนาคารกลางยุโรป, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธนาคารกลางจีน


ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (18-22 ก.ค.65) ที่ระดับ 36.30-37.10 บาท/ดอลลาร์ จากในวันศุกร์ที่ 15 ก.ค.65 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 ปี 8 เดือนที่ 36.73 ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 36.60

โดยเงินบาทอ่อนค่าไปที่ 36.73 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนพ.ย.49 ท่ามกลางแรงหนุนที่แข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

สำหรับระหว่างสัปดาห์เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าผ่านแนว parity เมื่อเทียบกับเงินยูโร เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.45 นอกจากนี้ภาพรวมของสกุลเงินเอเชียและเงินหยวนยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อสัญญาณที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิดในจีนด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลายเป็นประเด็นหลักของตลาดในสัปดาห์นี้ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อ (ทั้ง CPI และ PPI) เดือนมิ.ย. พุ่งสูงขึ้นกว่าที่คาด และทำให้ตลาดเริ่มมีการคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 100 basis points ในการประชุมรอบ 26-27 ก.ค.65 นี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดีการคาดการณ์ดังกล่าวชะลอลงบางส่วน หลังเจ้าหน้าระดับสูงของเฟดให้ความเห็นในเชิงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 75 basis points ในรอบนี้

ขณะที่ระหว่างวันที่ 11-15 ก.ค.65 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,141 ล้านบาท ขณะที่มีสถานะเป็น NET OUTFLOW ออกจากตลาดพันธบัตร 2,079 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,063 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 16 ล้านบาท)

สำหรับในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางอินโดนีเซีย และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธนาคารกลางจีน

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

Back to top button