สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ก.ค. 2565

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน, ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,288.26 จุด พุ่งขึ้น 658.09 จุด หรือ +2.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,863.16 จุด พุ่งขึ้น 72.78 จุด หรือ +1.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,452.42 จุด พุ่งขึ้น 201.24 จุด หรือ +1.79%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มค้าปลีก หลังจากตลาดร่วงลง 2 วันติดต่อกันท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ, วิกฤตการเมืองในอิตาลี และภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 413.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.28 จุด หรือ +1.79% แต่ปรับตัวลง 0.8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,036.00 จุด เพิ่มขึ้น 120.59 จุด หรือ +2.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,864.72 จุด เพิ่มขึ้น 345.06 จุด หรือ +2.76% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,159.01 จุด เพิ่มขึ้น 119.20 จุด หรือ +1.69%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มปลอดภัย แต่ตลาดยังคงปิดลดลงในรอบสัปดาห์นี้ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,159.01 จุด เพิ่มขึ้น 119.20 จุด หรือ +1.69%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (15 ก.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ระบุว่า สหรัฐไม่คาดหวังว่า ซาอุดีอาระเบียจะเร่งปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันทันทีในระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 97.59 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงร่วงลง 6.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 101.16 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังร่วงลง 5.5% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (15 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งลดความน่าสนใจของสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,703.6  ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 2.2% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 36.9 เซนต์ หรือ 2.02% ปิดที่ 18.594 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 830.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 68.70 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 1,829.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (15 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร หลังจากดอลลาร์ทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.44% แตะที่ระดับ 108.0630

ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 138.55 เยน จากระดับ 138.86 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9780 ฟรังก์ จากระดับ 0.9830 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3034 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3105 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าแตะที่ระดับ 1.0083 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0032 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1857 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1833 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6760  ดอลลาร์สหรัฐ