SKR ติดอันดับ “ESG100” ปี 65 ตอกย้ำธรรมมาภิบาล โบรกชูเป้า 16.40 บ.

SKR ติดอันดับบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ “ESG100” ปี 65 ตอกย้ำเป็นธรรมมาภิบาลโดดเด่น สะท้อนการบริหารธุรกิจด้วยความโปร่งใส ด้านโบรกมองเชิงบวกคาดผลงานกลับมาเติบโตหลังปี 66 แนะ “ทยอยซื้อสะสม” 16.40 บาท


นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKR เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกอยู่ใน Universe กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2565 ด้วยการคัดเลือกจาก 851 หลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม  และธรรมาภิบาล (ESG) โดยหน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์

สำหรับการคัดเลือกหลักทรัพย์จาก ESG Emerging Universe ตามเกณฑ์ประเมินด้าน ESG ของสถาบันไทยพัฒน์ โดย SKR เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน อยู่ใน Universe กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2565 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล โดยให้ข้อมูลการดำเนินงานในประเด็นดังกล่าวอย่างเปิดเผย และสามารถตรวจสอบได้เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักลงทุน พร้อมเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

โดยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์วิกฤตสำคัญที่ส่งผลกระทบรุนแรงทั้งต่อประเทศไทยและโลก ไม่เพียงแค่ระบบสุขภาพเท่านั้น แต่ยังกระทบเป็นห่วงโซ่ทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนและปรับตัวทั้งระบบโครงสร้าง ไปจนถึงหน่วยย่อยๆ

อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 ยังทำให้ความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพและสวัสดิการที่มีอยู่ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศชัดเจนยิ่งขึ้น จึงทำให้ตลอดระยะเวลาของการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับเป็นความท้าทายของการบริหารธุรกิจของ SKR ที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดนิ่ง

“การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้อยู่ในทำเนียบ ESG100 ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้องค์กรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ SKR ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ควบคู่กับการยึดถือหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลศิครินทร์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความมั่นใจให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตามวิสัยทัศน์ขององค์กร” นายสุริยันต์ กล่าว

ด้าน ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า การที่ SKR จัดอันดับอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดำเนินธุรกิจอย่างโดดเด่น โดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล บนพื้นฐานของการตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจได้ครบถ้วนทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม ตลอดจนผลตอบแทนต่อนักลงทุน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรและสังคมโดยรวม

ทั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี 2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2565 ด้วยการคัดเลือกจาก 851 บริษัท, กองทุน, ทรัสต์ เพื่อการลงทุน ซึ่งทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวน 15,760 จุดข้อมูล

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จํากัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงปี 2565-2566 ของ SKR แม้ว่าภาพรวมของกลุ่มโรงพยาบาลจะได้รับปัจจัยกดดันจากรายได้เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 ที่ลดลงตามสถานการณ์การระบาดที่ดีขึ้นในประเทศไทย แต่คาดว่าในเชิงรายได้ของ SKR ช่วงปี 2565 2566 ยังสามารถทรงตัวได้ที่ระดับ 6,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.13% จากปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ระดับ 6,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09% จากปีก่อน

โดยเติบโตจาก Organic Growth ทั้งในแง่รายได้จากจำนวนผู้ประกันตน SSO ที่สูงขึ้น โดยคาดจำนวนผู้ประกันตนปี 2565 อยู่ที่ระดับ 3.16 แสนคน เพิ่มขึ้น 15.79% จากปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ระดับ 3.52 แสนคน เพิ่มขึ้น 11.26% จากปีก่อน ทั้งนี้ประเมินโควต้าผู้ประกันตนของ SKR ในปี 2565 อยู่ที่ 4.69 แสนคน ซึ่งยังเหลือจำนวนในการเติบโตอีกมาก

ขณะที่รายได้ผู้ป่วย OPD และ IPD ปกติจะเห็นการกลับมาใช้งานมากขึ้น Post Covid-19 โดย SKR มีแผนจะเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติมในช่วง 2 ปีนี้ เบื้องต้นจะเพิ่มจำนวนเตียง IPD 120 เตียง และจำนวนห้อง OPD 17 ห้อง

อย่างไรก็ตามแม้ว่านักวิเคราะห์จะประเมินรายได้ทรงตัวและเป็นบวกเล็กน้อย แต่ในเชิงกำไรคาดว่าในช่วงปี 2565-2566 จะเห็นการหดตัว โดยปัจจุบันประมาณการกำไรสุทธิของปี 2565 ไว้ระดับ 1,244 ล้านบาท ลดลง 10.85% จากปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ระดับ 926 ล้านบาท ลดลง 25.52% จากปีก่อน ผลจากมาร์จิ้นที่ปรับตัวลงสืบเนื่องจากโควิด-19

ทั้งนี้ ส่งผลให้ทางโรงพยาบาลทำงานเกินศักยภาพที่ควรจะเป็น เช่น การทำ Hospitel เป็นต้น รวมถึงรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 มีมาร์จิ้นที่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงกำไรในช่วง 2563 -2566 ถือได้ว่าเป็นการเติบโตที่โดดเด่นที่อัตราเติบโตเฉลี่ย 38.37%

นอกจากนี้คาดว่าผลการดำเนินงานจะสามารถกลับมาเติบโตได้ปกติหลังปี 2566 จึงยังมีมุมมองเป็นบวกต่อ SKR โดยแนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” ประเมินราคาเหมาะสมของ SKR ในปี 2566 ที่ 16.40 บาท ปัจจุบันซื้อขายบน P/E ที่ 36.61 เท่า

Back to top button