จับตา “เงินเฟ้อศรีลังกา” ก.ค.-ส.ค. พุ่ง 70% ลุ้น IMF อัดฉีดเงินพยุง 3 พันล้านเหรียญ
“ธนาคารกลางศรีลังกา” คาดอัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุด 70% ในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะเริ่มขยับลงเดือนก.ย. ขณะที่อยู่ในเกณฑ์รอ IMF เข้ามาช่วยเหลือด้านเงินกู้ จำนวน 3 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี
นายนันดาลัล วีระสิงห์ ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกาคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของศรีลังกาจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 70% ในช่วง 2 เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะเริ่มขยับลงในเดือนก.ย.ปีนี้
สำหรับข้อมูลของรัฐบาลศรีลังการะบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 45.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในเดือนเม.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 33.8% ขณะที่เงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาอาหาร พุ่งขึ้น 58% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 45.1% ในเดือนเม.ย.
นายวีระสิงห์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Street Signs Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ปัจจัยที่ทำให้เขาคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นรุนแรงถึงระดับ 70% นั้น มาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น และเขาเชื่อว่าสถานการณ์ของศรีลังกาในขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ที่จะสามารถขอรับความช่วยเหลือด้านเงินกู้เพิ่มเติมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อีกจำนวน 3 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ นายวีระสิงห์กล่าวว่า ทันทีที่ IMF เริ่มอนุมัติการเบิกจ่ายเงินภายใต้โครงการกู้ยืมครั้งที่ 17 ให้กับศรีลังกา สถาบันการเงินอื่นๆ เช่น ธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ก็จะสมทบทุนช่วยเหลือศรีลังกาเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์นอกจากนี้ นายวีระสิงห์กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับศรีลังกาในขณะนี้ นับเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และจะยังคงเดินหน้าการปฏิรูปต่อไปแม้โครงการช่วยเหลือจาก IMF สิ้นสุดลง