MAJOR ลุ้น Q3 กำไรเด่น อานิสงส์ “บุพเพสันนิวาส 2” ฟอร์มดี 3 วัน กวาดรายได้ 134 ลบ.
โบรกคาด MAJOR ไตรมาส 3/65 กำไรเด่น รับอานิสงส์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส 2” เปิดตัว 3 วันกวาดรายได้กว่า 134 ล้านบาท พร้อมหนังใหญ่ที่เข้าฉายหลายเรื่องจ่อเข้า และมีบันทึกรายการพิเศษ 2 รายการคือกำไรจากการขายหุ้นไทยทิคเก็ต เมเจอร์ จำนวน 123 ล้านบาทก่อนภาษี-บันทึกตั้งด้อยค่า MJLF ลุ้นกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 528 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ส.ค.65) คาดว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 137 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/64 มีผลขาดทุนสุทธิ 218 ล้านบาท และไตรมาส 1/65 ที่กำไรสุทธิ 24 ล้านบาท (หากไม่รวมรายการพิเศษรับเงินประกันจากไฟไหม้สาขาสุขุมวิท-เอกมัย ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 70 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรจากธุรกิจหลัก 67 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/64 ที่ขาดทุน 183 ล้านบาท และเทียบกับไตรมาส 1/64 ที่หากไม่รวมบันทึกกาไรพิเศษจากการประเมินมูลค่าสาขาสุขุมวิทย แคราย แจ้งวัฒนะ จะขาดทุนธุรกิจหลัก 111 ล้านบาท)
ขณะที่รายได้รวมไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 1,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสก่อน มาจากรายได้ตั๋วหนังจากเรื่อง Doctor Strange 230 ล้านบาท , Jurassic World 160 ล้านบาท, Fantastic Beasts 80 ล้านบาท, Top Gun 77 ล้านบาท,แดงพระโขนง 40 ล้านบาท ด้านรายได้ธุรกิจ snack Popcorn มียอดขายเพิ่มขึ้น 200% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้รับการตอบรับดีจากการยอดขายผ่าน delivery ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากการดาเนินงานเพิ่มขึ้นตามรายได้หนังและ Popcorn ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกาไรจากการดาเนินงาน 2% และมีอัตรากาไรสุทธิ 9%
นอกจากนี้ยังประมาณการเดิมคาดผลประกอบการครึ่งปีหลังจะดีขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก จากหนังใหญ่ที่เข้าฉายหลายเรื่อง รอบฉายหนังกลับมาปกตินั่งได้ 100% และการเปิดฉายรอบต่อโรงเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 รอบจากเดิมช่วงโควิด 5 รอบต่อโรง โดยในไตรมาส 3/65 หนังไทยเรื่องเด่น “บุพเพสันนิวาส 2” เปิดตัวไปเมื่อ 28 ก.ค. 65 รายได้ 3 วันแรกทาเงินกว่า 134 ล้านบาท ได้รับกระแสการตอบรับดีทาสถิติหนังไทยเรื่องแรกในปีนี้
สำหรับในไตรมาส 3/65 บริษัทจะมีการบันทึกรายการพิเศษ 2 รายการคือ กำไรจากการขายหุ้นไทยทิคเก็ต เมเจอร์ จำนวน 123 ล้านบาทก่อนภาษี และบันทึกตั้งด้อยค่าของ MJLF ที่บริษัทถือหุ้น 33% จากการที่บริษัทคาดว่าจะได้รับส่วนลดจากทาง MJLF คาดจะรู้ผลในไตรมาส 3/65 ซึ่งทางMJLF ยังมีระยะเวลาสัญญาเช่าที่ดินเหลืออีก 45 ปี ยังคงประมาณการเดิม สำหรับหนังใหญ่ที่จะเข้าฉายครึ่งปีหลังได้แก่ Avatar 2, Black Panther, Thor, Black Adam, Shazam, Minions และหนังไทยอีกหลายเรื่อง โดยคาดกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 528 ล้านบาท และคาดรายได้ปี 65 จะเพิ่มขึ้น134% จากคาดสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายและหนังฟอร์มใหญ่พร้อมเข้าฉาย
ดังนั้นยังคงคาแนะนำ “ซื้อ” MAJOR ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท จากสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายไม่มีการล็อกดาวน์ ประกอบการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ที่เข้มงวดช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ชม และค่ายหนังใหญ่และหนังไทยเริ่มกลับมาฉายได้