เปิดโผ 14 หุ้นเปิดเมือง! ขานรับ “นักท่องเที่ยว” เดือนก.ค. ทะลุ 2 ล้านคน

เปิดโผ 14 หุ้นเปิดเมือง! ขานรับ “นักท่องเที่ยว” เดือนก.ค. ทะลุ 2 ล้านคน พร้อมจับตายอดรวมนักท่องเที่ยวทั้งปี 65 จำนวน 9.3 ล้านคน โบรกมองกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มสายการบิน, โรงแรม, ท่องเที่ยว, บริการ, โรงพยาบาล และค้าปลีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงคมนาคมรายงานถึงปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ ณ วันที่ 31 ก.ค. 65 ว่า ในภาพรวมเดือนก.ค. 65 มีปริมาณผู้โดยสารทั้งเข้า-ออกประเทศในทุกมิติการขนส่งรวม 2,050,744 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ที่มีเฉลี่ยเดือนละ 575,837 คน ซึ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้า จำนวน 1,055,608 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ซึ่งมีปริมาณผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยเดือนละ 482,719 คน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 118.68%

สำหรับการเดินทางในเดือนก.ค. 65 พบว่า ทางอากาศมีสัดส่วนการเดินทางสูงสุด คิดเป็น 99.13%

รองลงมาคือ ทางถนน 0.77% ทางราง 0.05% และทางน้ำ 0.05% ทั้งนี้ ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ โดยจำแนกตามรูปแบบการเดินทาง มีดังนี้

โดยทางอากาศ เดือนก.ค. 65 มีปริมาณผู้โดยสารรวม 2,003,164 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปริมาณผู้โดยสารเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ซึ่งมีผู้โดยสารเฉลี่ยเดือนละ 931,512 คน เป็นการเดินทางขาเข้าประเทศจำนวน 1,036,154 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ซึ่งมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยเดือนละ 480,215 คน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 115.77%

ทั้งนี้มีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1,492,690 คน คิดเป็น 76% มีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง 245,168 คน คิดเป็น 11% และมีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานภูมิภาค 265,306 คน คิดเป็น 13%

สำหรับทางถนน เดือนก.ค.65 มีผู้โดยสารรวม 42,646 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย. 65 ซึ่งมีผู้โดยสาร 25,895 คน เป็นการเดินทางเข้าประเทศ 16,968 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ซึ่งมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยเดือนละ 6,711 คน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 152.84%

รวมถึงทางน้ำ เดือนก.ค. 65 มีผู้โดยสารรวม 325 คน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดือนม.ค.-มิ.ย. 65 ซึ่งมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยเดือนละ 267 คน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 21.72% โดยสัดส่วนการเดินทางระหว่างท่าเรือชายแดนกับเรือยอชต์ในเดือนก.ค. 65 พบว่ามีปริมาณการเดินทางผ่านท่าเรือชายแดน 179 คน (56%) และมีปริมาณการเดินทางด้วยเรือยอชต์ 142 คน (44%)

ส่วนทางราง เดือนก.ค. 65 มีปริมาณผู้โดยสารรวม 4,609 คน พบว่ามีปริมาณการเดินทางขาเข้า 2,161 คน คิดเป็น 47% และมีปริมาณการเดินทางขาออก 2,448 คน คิดเป็น 53% หรือสัดส่วนการเดินทางขาเข้าและขาออกคิดเป็น 47:53 โดยขณะนี้ การเดินทางในระบบรางได้มีการเปิดเดินรถไฟกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น เช่น รถไฟเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว เพื่อให้สามารถรองรับการเดินทางระหว่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประมาณการนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาสามเดือนต่อจากนี้ ก.ค.-ก.ย. 65 ไว้ที่ 2,700,000 คน และสามเดือนสุดท้ายของปี 65 ไว้ที่ 4,500,000 คน ซึ่งประมาณการยอดรวมนักท่องเที่ยวปี 65 จำนวน 9,325,500 คน และได้ประมาณการรายได้จากนักท่องเที่ยว (ตลอดทั้งปี 2565) ไว้ที่ 1.27 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านระบบขนส่งคมนาคมทางอากาศ, ทางถนน, ทางราง, และทางน้ำ ในช่วงระหว่างเดือนก.ค. และรวมถึงครึ่งปีแรกมีการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทะลุ 2 ล้านคน ซึ่งทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์ต่างๆมีการประเมินว่าจะส่งผลประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน, โรงแรม, ท่องเที่ยว, บริการ, โรงพยาบาล, ค้าปลีก เป็นต้น

ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดประเทศเต็มรูปแบบดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคบริการจะดีขึ้น รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลน่าสนใจ ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH

นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มอิงการท่องเที่ยว และหุ้นเปิดเมือง หรือ Reopening มีโอกาสที่กำไรฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ตัวเลือกลงทุน อาทิ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR

รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วกว่าตลาดคาด อาทิ  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

ขณะที่ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ ของ ศบค. ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ดีขึ้น

โดยหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นโรงแรมที่ได้รับผลดี ได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ  MINT, BEM, CPALL และ CRC เป็นต้น รวมทั้งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ BDMS, BH

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การปลดล็อกเปิดประเทศทุกเงื่อนไข และการยกเลิกไทยแลนด์พาสส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาคึกคักได้ หุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกดังกล่าว ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และ CENTEL

Back to top button