“ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์” ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 120 ล้านหุ้น ปักหมุดเทรด mai
“ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ปักหมุดระดมทุนเข้าตลาด mai นำเงินไปให้เป็นทุนรับงานใหญ่
บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาทต่อหุ้น และมูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) 0.73 บาทต่อหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการ System Integrator (SI) ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการติดตามดูแลรักษาและการให้การฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งานและการให้บริการอื่นๆ โดยสามารถจำแนกประเภทธุรกิจหลักเป็น 2 ประเภทตามโครงสร้างรายได้
1.งานโครงการ ประกอบธุรกิจให้บริการ System Integration (SI) แบบครบวงจร โดยจะให้บริการงานโครงการด้าน ICT ซึ่งสัญญาว่าจ้างส่วนใหญ่เป็นลักษณะของสัญญาจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Contract) บริษัทฯ มีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ แบบเบ็ดเสร็จ หรือ One-Stop Services ตามความต้องการของลูกค้า
ขณะที่บริการ System Integration เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรต่างๆ ได้มากกว่าประโยชน์ด้าน IT โดยสามารถนำเทคโนโลยีไปแก้ไขปัญหาด้านธุรกิจและส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายและความท้าทายด้านธุรกิจและด้านอื่นๆ ในองค์กร เช่น ลดต้นทุนจากพลังงานส่วนเกินและการทำงานที่ซ้ำซ้อน ประหยัดเวลาการทำงานจากการสื่อสารของระบบ IT ที่ล่าช้าหรือกระบวนการทำงานแบบอนาล็อก อำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลลูกค้าขององค์กรเพื่อใช้ตอบโจทย์ทางธุรกิจ จัดทำงบการเงินที่มีความถูกต้องแม่นยำ ผู้บริหารสามารถบริหารทรัพยากรในองค์กรและติดตามแผนการดำเนินงานตามกลยุทธ์ได้อย่างทันเวลา เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แบ่งประเภทงานโครงการตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ดังนี้
1.โซลูชั่นระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT Infrastructure)
2.โซลูชั่นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)
3.โซลูชั่นด้านการจัดการและประหยัดพลังงาน (Energy)
4.งานบริการ (โซลูชั่นการให้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Services)) ให้บริการให้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมเพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรวมถึงจัดหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้บริการจัดทำรายงานวิเคราะห์ประสิทธิภาพสัญญาณ เพื่อให้บริการตามโครงการของรัฐบาลในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO)
โดยเฉพาะพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) โดยวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว คือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความเสมอภาค ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเน็ตประชารัฐของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 สร้างประโยชน์ให้กับโรงเรียนและชุมชน ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการพัฒนาสร้างรายได้ให้กับชุมชน
ทั้งนี้ บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (Satellite Internet) การอนุญาตมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.60-10 ก.ย.68 และมีพันธมิตรเป็นผู้ให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมจากผู้ได้รับสิทธิในการบริหารดาวเทียม คือ บริษัท ทีซี บรอดคาสติ้ง จำกัด (บริษัทย่อยของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM)
โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนผ่านการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินลงทุนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้าราว 200 ล้านบาท, เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทราว 100 ล้านบาทภายในปี 66 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ตัวอย่างลักษณะงานที่อยู่ระหว่างการเตรียมเข้าประมูล มีดังนี้
1.งานโครงการ SI โซลูชั่น Infrastructure แก่หน่วยงานซึ่งเป็นลูกค้าเดิม 1,000 ล้านบาทไตรมาส 1/66
2.งานโครงการ SI โซลูชั่น Digital Transformation แก่หน่วยงานซึ่งเป็นลูกค้าเดิม 3,000 ล้านบาทไตรมาส 2/66
โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน 210,000,000 บาท ซึ่งเป็นทุนเรียกชำระแล้ว 150,000,000 บาท ราคาพาร์ 0.50 บาท
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 ก.ค.65 ได้แก่ นางอัญชลี แก้วบรรพต ถือหุ้น 127,500,000 หุ้น คิดเป็น 42.50% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO (กรณี บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) รักษาสัดส่วนหุ้นเดิมไว้) จะลดสัดส่วนลงเหลือ 28.21%, MFEC ถือ 45,000,000 หุ้น คิดเป็น 15.00% หลัง IPO จะยังคงถือตามเดิม, นายอธิพร ลิ่มเจริญ 51,000,000 หุ้น คิดเป็น 17.00% จะลดเหลือ 11.29%, นายไพฑูรย์ ประมวลชัยกุล 40,800,000 หุ้น คิดเป็น 13.60% จะลดเหลือ 9.03% และนายยุทธชัย ทูลพันธ์ 35,700,000 หุ้น คิดเป็น 11.90% จะลดเหลือ 7.90%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ เท่ากับ 204.05 ล้านบาท 645.41 ล้านบาท และ 1,363.71 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 189.38%, 216.30% และ 111.29% ตามลำดับ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 158.52% ส่วนกำไรสุทธิ 23.59 ล้านบาท 41.57 ล้านบาท และ 80.56 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.41%, 6.43% และ 5.91% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่าง ๆ (หากกำหนดไว้และหากมี)