“AIS Go Green” ขานรับนโยบาย ปลูกต้นไม้แสนต้น สร้างพื้นที่สีเขียวทั่วกรุงอย่างยั่งยืน
AIS Go Green ขานรับนโยบาย ปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น เพื่อกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด Green Network ร่วมกับทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทุกมิติ
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC (AIS) ขานรับนโยบายของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง เปิดตัวโครงการ “AIS Go Green” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น เป็นอีกพลังเพื่อร่วมทำให้ภารกิจครั้งนี้ของกรุงเทพมหานครบรรลุตามเป้าหมายในการช่วยช่วยรักษาสภาพอากาศตามชุมชนและสวนสาธารณะต่างๆ ด้วยการกักฝุ่นมลพิษในเมืองกรุง สร้างร่มเงา ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ นำร่องโครงการชวนพนักงาน คู่ค้า พันธมิตร ร่วมปลูกร่วมกันปลูกต้นไม้ที่สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ รวม 5,000 ต้น บนที่ว่างกว่า 2.4 ไร่
พร้อมวางแผนการปลูกร่วมกับกรุงเทพมหานครทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ได้รวม 100,000 ต้น ภายใน 4 ปี ด้วยแนวคิด Green Network ที่มุ่งสร้างเครือข่ายมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ตอกย้ำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ยังมอบ Digital Badges AIS GO GREEN ที่จะเป็นสัญลักษณ์ใบรับรองคุณวุฒิดิจิทัลให้กับผู้เข้าร่วมนำร่องโครงการ เพื่อแทนการแสดงออกถึงการพัฒนาทักษะชีวิตด้านสิ่งแวดล้อม ที่ขณะนี้คือเป้าหมายอันดับ 1 ที่ทั้งโลกให้ความสำคัญ และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน
นายสมชัย กล่าวว่า “การดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AIS เพราะวันนี้ เราทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นจากภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ดังนั้นแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากการกระบวนการผลิต แต่การให้บริการของ AIS ก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งยังต้องใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานฟอสซิลเป็นหลัก ที่ผ่านมาเราจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้าง Green Network ในทุกมิติ มาอย่างต่อเนื่อง”
“เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก AIS ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ติดตั้งอุปกรณ์สถานีฐานที่สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายเทคโนโลยีทั้ง 3G 4G 5G และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้า ขยายระบบ Virtual Machine Sever ที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกให้ได้มากที่สุด อาทิ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บริเวณสถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และชุมสายสถานีฐาน นอกจากนี้เรายังดำเนินนโยบายลดปริมาณขยะ ทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการดำเนินธุรกิจ เช่น อุปกรณ์โครงข่ายและอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเราสามารถนำไปรีไซเคิลและกำจัดอย่างถูกวิธีได้ทั้งหมดโดยไม่เหลือซากที่นำไปฝังกลบ และเรายังชวนลูกค้าให้มีส่วนร่วมด้วยการลดใช้กระดาษเปลี่ยนมาใช้ e-bill หรือ Digital Application ต่างๆ พร้อมเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ลุกขึ้นมาสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกอุตสาหกรรม สร้างจุดทิ้งแล้วกว่า 2,400 จุดทั่วประเทศ และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero landfill”
นายสมชัย กล่าวต่อไปอีกว่า “ดังนั้นพวกเราชาว AIS จึงขอมีส่วนร่วมกับภารกิจการปลูกต้นไม้ล้านต้น ตามนโยบายของ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผ่านโครงการ AIS Go Green ที่สนับสนุนการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น พร้อมเชิญชวนลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมการปลูกต้นไม้ โดยการวางแผนร่วมกับกรุงเทพมหานครในการจัดสรรพื้นที่การปลูก เริ่มที่สวนรถไฟจำนวน 5,000 ต้น และตั้งเป้าปลูกให้ได้ครบ 100,000 ต้น ภายใน 4 ปี ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ พื้นที่เขตพญาไท, โรงขยะอ่อนนุช, ศูนย์การเรียนรู้เกษตรฯ ถนนอักษะ และ โรงขยะหนองแขม โดยภายในงานครั้งนี้เราได้พันธมิตรกลุ่ม AIS Startup อย่าง Muvmi ผู้ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าปลอดมลพิษ มาช่วยรับ-ส่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย”
“นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการรับรู้และตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มักจะสื่อสารเจตนารมณ์และจุดยืนผ่านโลกดิจิทัล เราจึงมอบ Digital badges ‘AIS GO GREEN’ หรือตราสัญลักษณ์ใบรับรองคุณวุฒิดิจิทัล ให้กับผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความตั้งใจในการปลูกต้นไม้ที่มีทักษะชีวิตด้านสิ่งแวดล้อม และยังสามารถสื่อสารส่งต่อไปยังกลุ่มคนบน Social Media ให้เห็นถึงคุณค่าที่เกิดขึ้นจากการปลูกต้นไม้ ซึ่งได้สร้างประโยชน์มากมายให้กับโลกใบนี้ได้อีกด้วย”
“เราไม่มองการจัดงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ แต่เราต้องการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิด Green Network ที่จะนำไปสู่พัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับนโยบายเชิงกลยุทธ์มาจนถึงในทางปฏิบัติ แม้แต่ในการจัดกิจกรรมเราก็มองถึงปริมาณ Carbon Footprint ที่เกิดขึ้น และพยายามคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากงานให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อทำการซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยเท่ากับปริมาณที่ปล่อยออกมา เพื่อทำให้การจัดงานครั้งนี้เป็นงาน Carbon Neutral Event หรืองานอีเว้นท์ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสอดคล้องไปกับเป้าหมายในการดูแลสิ่งแวดล้อมสมตามเจตนารมณ์ในทุกมิติอย่างแท้จริง” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย