“วิจัยกรุงไทย” ชี้ขึ้นค่าไฟ-ราคาสินค้าพุ่ง ดันเงินเฟ้อปีนี้ทะลุ 6%
Krungthai COMPASS คาดเงินเฟ้อปีนี้แตะ 6.1% เหตุจากจากการปรับขึ้นราคาสินค้าที่สูงขึ้น และการปรับขึ้นค่าไฟในงวด ก.ย.-ธ.ค. จะเป็นแรงกดดัน
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค. 65 อยู่ที่ 7.6 ชะลอเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 7.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ทั้งนี้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 7.8% ปัจจัยหลักจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชะลอตัวลงจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน) เร่งตัวขึ้นมาสู่ระดับ 3% เมื่อเทียบกับ 2.5% เมื่อเดือน มิ.ย. ตามราคาในหมวดเคหสถานและหมวดสันทนาการที่เร่งตัวขึ้น
อีกทั้งราคาในหมวดการขนส่งและการสื่อสารยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ด้านราคาในหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานที่มีความผันผวนสูงนั้นยังเพิ่มในระดับสูง เช่น หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ปรับตัวเร่งขึ้น 8.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยเฉพาะราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดที่เพิ่มขึ้นมากตามแรงผลักดันของเนื้อสัตว์ที่มีต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น ส่วนราคาพลังงานยังเพิ่มสูงถึง 33.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในช่วง 7 เดือนแรกของปี 65 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.0%
อย่างไรก็ตาม Krungthai COMPASS ยังระบุอีกว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี 65 จะอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี ซึ่งอยู่ที่ 5.9% และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 65 อยู่ที่ 6.1% สาเหตุสำคัญมาจากการปรับขึ้นราคาสินค้าที่เริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น นอกจากนั้นหากมีการปรับขึ้นค่าไฟในงวด ก.ย.-ธ.ค. ก็จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะกระทบอำนาจซื้อภาคครัวเรือนและต้นทุนของภาคธุรกิจ
อีกทั้งมาจากการกระจายตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นออกไปในหลายหมวดมากขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักอาหารสดและพลังงาน) ที่เร่งตัวขึ้นสู่ 2.5% เมื่อเทียบกับ 1.9% เมื่อเดือนก่อน โดยในหมวดเคหสถาน (สัดส่วน 21.9% ของตะกร้าเงินเฟ้อ) เพิ่มขึ้น 8.4% เทียบจาก 6.8% และหมวดการบันเทิงฯ (สัดส่วน 4.2%) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 บ่งชี้ถึงการส่งผ่านของราคาสินค้าระหว่างหมวดอาหารและหมวดพลังงานออกไปยังหมวดอื่นๆ รวมถึงแนวโน้มการส่งผ่านต้นทุนผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น จากดัชนีราคาผู้ผลิตที่เพิ่มต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมองอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 ต้นทุนของผู้ประกอบการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาค่าไฟที่จะปรับสูงขึ้น เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักอยู่ในทิศทางเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาระจ่ายดอกเบี้ยของผู้ประกอบการอาจเพิ่มขึ้น หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน