ADVANC แย้มครึ่งปีหลังรายได้โต 20% รับดีมานด์ลูกค้าฟื้น-เร่งขยายโครงข่าย 5G

ADVANC ส่งซิกครึ่งปีหลังรายได้โต 20% รับเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมถึงรับลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่ม เดินหน้าเร่งขยายโครงข่าย 5G


นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และกำกับดูแลการปฏิบัติงาน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC หรือ AIS เปิดเผยภาพรวมข้อมูลของบริษัทในงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ว่าในช่วงครึ่งปีแรกแม้จะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ในภาพใหญ่สถานการณ์ทั่วโลกยังมีความน่าเป็นห่วง และต้องจับตามองใกล้ชิด โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งของประเทศต่างๆ ส่งผลทำให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น แน่นอนว่าส่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในวงกว้าง ทำให้ต้องปรับแผนการทำงานให้สอดรับกับสถานการณ์ที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งในครึ่งปีแรกนี้ AIS สามารถทำผลงานออกมาได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ จากตัวเลขรายได้ที่มีการเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ายังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้มีความแข็งแกร่งรองรับความต้องการประยุกต์ใช้ดิจิทัลในองค์กร และสร้างประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าที่กำลังเพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/65 อยู่ที่ 45,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% เทียบกับปีก่อน และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 6,305 ล้านบาท ลดลง 10% เทียบกับปีก่อน ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลจากการขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงและรายได้พิเศษครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายโครงข่าย 5G และ 4G อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการให้บริการ รวมถึงการเสริมคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกมาให้คนไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์รับชมใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลทำให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 2.9% เทียบกับปีก่อน และ 0.4% เทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดและการบริหาร โดยรวมเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในการออกแคมเปญต่างๆ ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) สำหรับไตรมาส 2 อยู่ที่ 22,353 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากปีก่อน และ 0.2% เทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้

ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้เพิ่มขึ้น 0.4% เทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.3% ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมโควิด-19 และการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวชาติจากการเปิดประเทศ แม้ว่าการแข่งขันด้านราคายังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 881,200 เลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือรวมที่ 45.5 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นลูกค้าระบบเติมเงิน 33.4 ล้านเลขหมาย และระบบรายเดือน 12.1 ล้านเลขหมาย

ส่วนของ 5G วันนี้ AIS มีผู้ใช้บริการ 5G รวมทั้งสิ้นมากกว่า 3.9 ล้านราย เพิ่มขึ้นกว่า 39% ทำให้ AIS ยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านการให้บริการด้วยการพัฒนาโครงข่าย ที่มีความครอบคลุมกว่า 99% ในกรุงเทพฯ 96% ในพื้นที่ EEC และ 81% ของพื้นที่ประชากรทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มความครอบคลุมและความจุโครงข่ายให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ 5G ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงเน้นลงทุนในธุรกิจโครงข่าย 5G โดยในสิ้นปีบริษัทตั้งเป้าลูกค้า 5G แตะระดับ 5 ล้านรายจากสิ้นไตรมาส 2/65

ขณะที่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ยังคงรักษาระดับการเติบโตที่เหนืออุตสาหกรรม มีรายได้เติบโต 22% เทียบกับปีก่อน และ 2.0% จากไตรมาสก่อน จากการเพิ่มพื้นที่การให้บริการไปยังพื้นที่ใหม่ๆ รวมไปถึงการรักษาคุณภาพและความรวดเร็วของการให้บริการ AIS Fibre 24Hours และการนำเทคโนโลยี Wi-Fi อัจฉริยะ ครั้งแรกในไทยกับการนำ AI และ VIP Service มาจัดสรรการใช้งานเน็ตบ้าน ตอบโจทย์การใช้งานลูกค้าในเรื่องความแรง ลดความหน่วงต่ำ ซึ่งในไตรมาส 2/65 มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 106,300 ราย ปัจจุบัน AIS Fibre มีลูกค้ารวม 1,971,400 ราย ตั้งเป้าขยายลูกค้า 2.2 ล้านรายภายในสิ้นปี

ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร รายได้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็น 38% เทียบกับปีก่อน และ 5.5% จากไตรมาสก่อน โดย AIS ได้เข้าไปร่วมทำงานกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีโซลูชันเข้ามาช่วยยกระดับขีดความสามารถได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 รายได้จากการให้บริการหลักอยู่ที่ 66,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับภาคเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้สร้างความกดดันต่อรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน (ซึ่งดีกว่าเมื่อครึ่งปี 64 เทียบกับ ครึ่งปี 63 ที่ลดลงร้อยละ 2.2)

ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่ช่วยให้รายได้โดยรวมเติบโตยังคงเป็นรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการขยายฐานลูกค้าและการออกแคมเปญต่างๆเพื่อมอบมาตรฐานการให้บริการที่เหนือกว่า เช่น การให้บริการภายใน 24 ชั่วโมง ในส่วนของรายได้จากธุรกิจลูกค้าองค์กร และรายได้อื่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล (digital transformation) ซึ่งทำให้ความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในบริการคลาวด์และไอซีทีโซลูชัน

นอกจากนี้ ภาพรวมธุรกิจของ AIS ได้มีการเข้าลงทุน JASIF โดยมองในเรื่องของการขยายครอบคลุมบอร์ดแบรนด์ มีช่องทางการขายที่ดีขึ้นและเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าเป็นผลประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องกับทุกส่วน ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตที่มีความรวดเร็วและคุณภาพที่ดีขึ้น เพื่อครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น

โดยเป็นไปตามเป้าหมายของ AIS เติบโตในธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้าน เดินหน้าพัฒนาโครงการเครือข่ายไฟเบอร์ให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพและที่สำคัญจะสามารถสร้างมูลค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น พร้อมลดความเสี่ยงทางด้านกระแสเงินสด และเพิ่มโอกาสการได้รับการอัดฉีดทรัพย์สินในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ภายในเดือนกันยายนจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นและผู้ถือหน่วยลงทุน โดยคาดว่าการเข้าลงทุนในครั้งนี้จะเสร็จภายในไตรมาส 1/66

ด้านทิศทางสำหรับธุรกิจครึ่งปีหลัง มองว่าธุรกิจโทรศัพท์เชื่อว่ายังมีผลบวกที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ โดยเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าจาก 4G ย้ายมา 5G ดันรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) ให้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ทิศทางรายได้ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเชื่อว่า AIS สามารถผลักดันรายได้โต 20% ในช่วงครึ่งปีหลัง

Back to top button