WFX อวดกำไร Q2 โต 34% ลุยเพิ่มกำลังผลิต-ตีตลาดตปท. มั่นใจดันทั้งปีออลไทม์ไฮ!

WFX อวดกำไรไตรมาส 2/65 โต 34% แตะ 73.87 ลบ. จากปีก่อนกำไร 55.19 ลบ. รับยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนงวด 6 เดือนกำไรโต 94% มาที่ 185.15 ลบ. กางแผนครึ่งหลังปี 65 ลุยเพิ่มกำลังผลิต บุกตลาด End Users ทวีปเอเชีย ยุโรปและอเมริกาใต้ มั่นใจดันทั้งปีรายได้โต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง


บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/65 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65 ดังนี้

โดยนายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 ของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 73.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.84% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 55.19 ล้านบาท  ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,006.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.54% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 902.43 ล้านบาท

ทั้งนี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายกำลังการผลิตในเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์เป็นไปตามแผน ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายสูงขึ้น โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพที่แตกต่างกันไป อีกทั้งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าประเภท End user เพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 2,144.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.23% และมีกำไรสุทธิ 185.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.20% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ จะเติบโตต่อเนื่อง หลังรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้อุตสาหกรรมสิ่งทอเริ่มฟื้นตัว จากความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ที่มากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ผลักดันยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้ง บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนบุกตลาด End Users กลุ่มใหม่ๆ  ในประเทศตุรเคีย  และอิตาลี เป็นโซนแรก ตามด้วยกลางเดือนสิงหาคมนี้ จะเริ่มบุกตลาดในบังคลาเทศ ให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ” นายณัฐกล่าว

โดยมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยในเฟสแรกที่เสร็จ 100% เป็นไปตามแผน ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟส รวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันอยู่ 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างล้นทะลัก

Back to top button