INSET แย้ม Q3 โตต่อ รับดีมานด์ Data Center พุ่ง! ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20%

INSET แย้มผลงานไตรมาส 3/65 โตต่อ รับดีมานด์ Data Center พุ่ง! ครึ่งปีหลังลุยประมูลงานใหม่กว่า 2 พันลบ. ย้ำรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20% พร้อมโชว์แบ็กล็อกแน่น 2.1 พันล้าน


นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผย ภาพรวมข้อมูลของบริษัทในงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ว่า  ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2565 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 37.23 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 434.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.72% จากงวดเดียวกันมีรายได้รวมเท่ากับ 396.23 ล้านบาท

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 64.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.05% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 60.07 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 687.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.83% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 631.33 ล้านบาท โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ(backlog)

โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2565 บริษัทมีแบ็กล็อก อยู่ที่ 2,100 ล้านบาท แบ่งเป็นงานประเภทต่าง ๆ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 538.67 ล้านบาท ,2.ธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคม (เสา สาย) Data Center มูลค่า 1,014.85 ล้านบาท  และงานซ่อมบำรุงและบริการ (Recurring Income) มูลค่า 546.96 ล้านบาท โดยงานซ่อมบำรุงและบริการดังกล่าวบริษัทจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้สัญญาระยะยาว 2-5 ปี อยู่ที่ประมาณ 496 ล้านบาท

ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2565 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 29.26 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 19 ส.ค. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 1 ก.ย. 2565

ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/65 คาดยังเติบโตตามแผน โดยเฉพาะงานภาครัฐที่จะเข้ามาหนุนต่อเนื่อง ขณะที่ครึ่งปีหลังบริษัทฯเตรียมประมูลงานใหม่เพิ่มมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการทยอยประกาศผลการประมูลทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจากการประเมินผลงานที่ผ่านมา บริษัทฯมีโอกาสที่จะได้รับงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นมั่นใจว่าผลงานในปี 2565 จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 15-20%

อย่างไรก็ตามมองว่าธุรกิจ Data Center และ Cloud ยังเติบโตดี และมองว่าธุรกิจ DATA Center ยังเป็นเมกะเทรนด์ในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า ตามความนิยมที่มากขึ้นในการใช้บริการระบบคลาวด์ ระบบ 5G และเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ที่สร้างความต้องการศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น

นอกจากนี้คาดว่าจำนวนศูนย์ DATA Center ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีอยู่ 31 แห่ง ในอีก 4-5 ปีจากนี้ ก็จะเพิ่มเป็น 40-50 แห่งได้ จากการขยายฐานการลงทุนเข้ามาของต่างประเทศ เนื่องจากตลาดไทยมีศักยภาพและเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงสู่กลุ่มประเทศอาเซียน ครอบคลุมทางบก ทางราง ทางอากาศ ทางน้ำ, มีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่กระตุ้นให้ลงทุนในประเทศไทย, มีวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนมีการส่งเสริมการลงทุน โดยสำนักงาน BOI รวมถึงไทยยังมีการเชื่อมโยงเคเบิ้ลใต้น้ำค่อนข้างครบ

ด้านธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายโทรคมนาคมและคมนาคมขนส่ง มองว่างาน 5G และระบบรถไฟฟ้าต่างๆ บริษัทฯ ยังได้รับงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการนำท่อร้อยสายไฟฟ้าลงดิน จัดภูมิทัศน์ประเทศให้สวยงาม การเพิ่มและลดของเสาสัญญาณ ส่วนธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 15% ซึ่งจากนี้ไปก็จะมุ่งเน้นธุรกิจดังกล่าวนี้มากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ

“มองว่าในปีนี้ หรือ 4-5 ปีข้างหน้า ผู้ให้บริการ Cloud Service รายใหญ่ระดับโลกจะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในบ้านเรา รวมถึงผู้ประกอบการไทยด้วย จากการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และยังมีปัจจัยหนุนจากการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ลงทุน DATA Center การผลักดันของภาครัฐที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub)”นายศักดิ์บวร กล่าว

Back to top button