“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก ขานรับข้อมูล “เงินเฟ้อ” สหรัฐชะลอตัว
“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก ขานรับการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต "สหรัฐ" บ่งชี้การชะลอตัวของเงินเฟ้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวในแดนบวกและแดนลบในเช้าวันนี้(12ส.ค.) ขานรับการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันถูกกดดันหลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายยังคงแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีสัญญาณว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงก็ตาม
โดย ณ เวลา 9.35 น. ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,479..99 จุด เพิ่มขึ้น 660.66 จุด หรือ 2.37%, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ณ เวลา 9.54 น.อยู่ที่ 15,267.17 จุด บวก 69.32 จุด หรือ 0.46%,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลี ณ เวลา 10.14 น.อยู่ที่ 2,524.97จุด บวก1.91 จุด หรือ 0.05% ,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ณ เวลา 9.59 น. อยู่ที่ 3,286.10 จุด บวก 4.43 จุด หรือ+0.137% ขณะที่ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ณ เวลา 9.59 น. อยู่ที่ 20,117.61 จุด บวก 35.18 จุด หรือ 0.18%
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,336.67 จุด เพิ่มขึ้น 27.16 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,207.27 จุด ลดลง 2.97 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,779.91 จุด ลดลง 74.89 จุด หรือ -0.58%
ดัชนีดาวโจนส์ได้แรงหนุน หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. แทนที่จะปรับขึ้นถึง 0.75% ที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (11 ส.ค.) ว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวลง 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ การปรับตัวลงของดัชนี PPI ในเดือนก.ค. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19
ด้านดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะหมดไป
ด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโกกล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ถือเป็นข้อมูล “ในเชิงบวก” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นายอีแวนส์ระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างยอมรับไม่ได้ และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ด้านนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่เฟดจะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และนางดาลีไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนก.ย.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 34.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย