“ดาวโจนส์” บวกต่อกว่า 100 จุด หลังคลายกังวล “เงินเฟ้อ” สหรัฐ

“ดาวโจนส์” บวกต่อกว่า 100 จุด หลังคลายกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ โดย ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,435.00 จุด บวก 131.00 จุด หรือ 0.39%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ (12ส.ค.65) ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดย ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,435.00 จุด บวก 131.00 จุด หรือ 0.39%

ขณะที่หุ้นปรับตัวขึ้นทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มพลังงานซึ่งร่วงลงตามการดิ่งลงของราคาน้ำมันในวันนี้ โดยการซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุน หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ต่างบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะลดแรงกดดันต่อเฟดในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ด้านนักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. และเพิ่มคาดการณ์ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI และ PPI

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 36.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 31.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจะจับตาตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเฟดในการตัดสินใจนโยบายการเงิน

โดยในการสำรวจในเดือนก.ค. ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.3% ที่มีการสำรวจในเดือนมิ.ย. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.

สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.8% โดยต่ำกว่าระดับ 3.1% ที่มีการสำรวจในเดือนมิ.ย. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวอย่างชัดเจนหลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 15 มิ.ย. แม้ว่าเฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ก่อนหน้านั้นเพียง 1 สัปดาห์

ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ระบุว่า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 5.4% ในปีหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.2% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าเงินเฟ้อจะแตะ 3.3% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 2.8% ที่มีการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในเดือนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 25-27 ส.ค. ในหัวข้อ “Reassessing Constraints on the Economy and Policy”

ทั้งนี้ การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ คาดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงในเดือนก.ค.

ในการแถลงต่อสภาคองเกรสก่อนหน้านี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่น ‘อย่างไม่มีเงื่อนไข’ ในการรักษาเสถียรภาพของราคา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายจากการที่เงินเฟ้อไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว

Back to top button