FSMART รายได้โฆษณา-ยอดเติมเงินลด กดกำไร Q2 หดตัว 27% เหลือ 83 ลบ.

บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/65 และงวดครึ่งแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยบริษัทมีรายได้รวมจากธุรกิจหลักไตรมาส 2 ปี 2565 เท่ากับ 583.56 ล้านบาท ลดลง 1.0% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกดดันกำลังซื้อของผู้ใช้บริการระดับกลางและล่างอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถรักษายอดใช้บริการและฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.รายได้ผลตอบแทนจากการให้บริการเติมเงินโทรศัพท์ระบบ เติมเงินล่วงหน้าและรับชำระเงินออนไลน์อื่น ๆ (Commission) เท่ากับ 141.43 ล้านบาท ลดลง 4.3% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้กำลังซื้อของผู้ใช้บริการลดลง ประกอบกับยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ให้บริการมือถือทั้ง ด้านราคาโปรโมชันค่าโทรและราคาแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตมือถือ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากลูกค้าหันไปใช้ช่องทางอื่นเติมเงินมากขึ้น

2.รายได้จากการให้บริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ (Service Charge) เท่ากับ 435.29 ล้านบาท ลดลง 0.1% เปรียบเทียบ กับไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงความกังวลในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาไม่มีมาตรการจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงรักษายอดใช้ บริการฝาก-โอนเงินมากกว่า 1.6 ล้านครั้งต่อเดือน และบริการเติมเงิน เข้า E-Wallet ผ่านตู้บุญเติมที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่า 1,900 ล้านบาท สะท้อนถึงความสะดวกสบายในการใช้บริการผ่านช่องทางของบริษัท และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

3.รายได้ดอกเบี้ยเท่ากับ 5.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2% เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากธุรกิจสินเชื่อที่บริษัทได้มีการเร่งขยายพอร์ทสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อบุคคลเป็นหลัก พร้อมกับขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าองค์กร เพิ่มขึ้นทำให้ยอดการให้สินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง

4.รายได้ค่าโฆษณา เท่ากับ 1.57 ล้านบาท ลดลง 5.4% เปรียบเทียบ กับไตรมาสที่ผ่านมา จากผู้ประกอบการลดงบประมาณค่าโฆษณาลง

5.รายได้อื่น เท่ากับ 57.29 ล้านบาท ลดลง 5.6% เปรียบเทียบกับไตร มาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากยอดเติมเงินมือถือที่ลดลง