TACC โชว์กำไร Q2 พุ่ง 27% รับยอดขายเพิ่ม แจกปันผล 0.17 บ. XD 25 ส.ค.นี้

TACC โชว์กำไรไตรมาส 2/65 พุ่ง 27% แตะ 68.40 ลบ. จากปีก่อนกำไร 53.89 ลบ. รับยอดขายโตกระฉูด ดันงวด 6 เดือนแรกกำไรโต 28% แตะ 128.55 ลบ. จากปีก่อนกำไร 100.58 ลบ. แจกปันผล 0.17 บ. ขึ้น XD วันที่ 25 ส.ค.65 จ่าย 9 ก.ย.65


บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC รายงานผลการเนินงานไตรมาส 2/65 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65 ดังนี้

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 65  มีรายได้รวม 728.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.51% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 683.94 ล้นบาท และมีกำไรสุทธิ 128.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.80% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่ฟื้นตัวจากนโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคมีการฟื้นตัว ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น และเป็นช่วง High Season หน้าร้อน ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มเติบโตได้ดี รวมถึงบริษัทฯ ได้ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกพันธมิตร ซึ่งผลตอบรับออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการเจริญเติบโตจากกลุ่มลูกค้า  B2C หลังจากได้ทยอยขยายสินค้าเข้าไปในกลุ่ม Lotus’s ทั้งในส่วน Lotus’s Hyper Market fresh ซึ่งปัจจุบันได้ส่งเครื่องดื่มเข้าใน Food Court และ Lotus’s go fresh ในส่วนของ Jungle Café ซึ่งปัจจุบันได้ส่งเครื่องดื่มชามะนาว และชาไทย

สำหรับธุรกิจ License Business ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเอกชนได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงมีการจัดโปรโมชั่น และออกสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสในการเติบโตในครึ่งหลังของปีนี้ จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/65 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 103.36 ล้านบาท  และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 26 ส.ค.65 กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 ส.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ก.ย.65

ขณะที่ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง ยังคงเน้นกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และคาดว่ารายได้จะยังคงเติบโตได้ดี จากในส่วนของกลุ่มสินค้าในปัจจุบัน (Existing Portfolio) และการออกสินค้าใหม่ (New Products) เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายร่วมกับพันธมิตรหลักทางธุรกิจ จึงส่งผลทำให้ยอดขายของบริษัทฯ สามารถเติบโตตามพันธมิตรทางการค้า ในฐานะ Key Strategic Partner  ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนรายได้ในปีนี้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงยังได้แรงหนุนจากยอดขายของกลุ่ม B2C และ License Business เข้ามาเสริม ช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

Back to top button