PLANB โกยรายได้สื่อโฆษณาพุ่ง! ดันงบ Q2 พลิกกำไร 174 ล้าน

PLANB โกยรายได้สื่อโฆษณาพุ่งแตะ 1.63 พันล้าน ดันงบ Q2 พลิกกำไร 174 ล้าน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 71 ล้านบาท ดันงวด 6 เดือนแรกกำไรทะลุ 278 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 34 ล้านบาท


บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2565 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวทั้งรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อจากกลุ่มรายได้สูง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงกดดันภาพรวมเศรษฐกิจจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและพลังงานโลก ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสำเร็จรูป ทำให้อัตราเงินเฟ้อไต่ระดับไปอยู่ที่ร้อยละ 4.7, 7.1 และ 7.7 ในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมมูลค่าเม็ดเงินสื่อโฆษณาในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 30,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,617 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.5 เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าสื่อโฆษณาในช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามสถานการณ์ สามารถอิงข้อมูลได้จาก MAGNETIC Measurement และ Google Mobility ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ตื่นตระหนกและการเดินทางของประชาชนไม่ได้ลดลงไปอยู่ในระดับเดียวกับการแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากการเติบโตของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาส่งผลให้บริษัทรายงานรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 เท่ากับ 1,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้นที่ 530 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 48.3 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สนับสนุนจากทั้งการเติบโตของรายได้รวมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 1,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นที่ 521 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 66.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินชีวิตนอกบ้านและการสัญจรของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนในป้ายโฆษณาภาพนิ่งและป้ายโฆษณาดิจิทัล จำนวน 441 ป้ายของบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“AQUA”) เป็นไตรมาสแรก และการเติบโตของรายได้รวมธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.0 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้รายได้จากกิจกรรมเลือกตั้งของศิลปิน BNK48 ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2565 รวมไปถึงกิจกรรมของ BNK48 อื่น ๆ ที่ทยอยกลับมาดำเนินกิจกรรมได้เป็นปกติหลังจากการผ่อนคลายมาตรการการป้องกันโควิด-19

ทั้งนี้จากรายได้จากการดำเนินงานทั้งธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยและธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทในไตรมาส 2/2565 เท่ากับ 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทที่ 71 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จากกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและสมดุลทางธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ไม่รวมผลกระทบจากการปรับมาตรฐานบัญชี TFRS16 จำนวน 441 ล้านบาท

ส่วนภาพรวมงวด 6 เดือนปี 2565 บริษัทสามารถสร้างกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 278 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ 34 ล้านบาท ในงวดหกเดือนปี 2564 สนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 2,836 ล้านบาท เติบโตที่ร้อยละ 33.7 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดหกเดือนปี 2564 โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย อยู่ที่ 2,304 ล้านบาท เติบโตที่ร้อยละ 49.0 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดหกเดือนปี 2564

ดังสาเหตุที่กล่าวไว้ข้างต้น อย่างไรก็ตามรายได้ของธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมอยู่ที่ 532 ล้านบาท ลดลงที่ร้อยละ 7.5 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดหกเดือนปี 2564 เนื่องจากงวดหกเดือนปี 2564 มีการบันทึกรายได้จากการบริหารสิทธิทางการตลาดสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก อยู่ที่ 346 ล้านบาท ในขณะที่งวดหกเดือนปี 2565 ไม่มีการบันทึกรายได้จากการบริหารสิทธิทางการตลาดดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการรักษากระแสเงินสด รักษาสภาพคล่อง และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เป็นลำดับแรก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืน

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2565 ยังคงถูกกดดันจากปัจจัยอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2565 จะขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 2/2565 สนับสนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ทั้งการยกเลิก Thailand Pass

สำหรับการเข้าประเทศที่จะเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 และการขยายสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคของภาคเอกชน ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งและยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลายทั้งคงการเติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยสะท้อนวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมและต่อยอดธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน

Back to top button