META รายได้ “มินบู” – ดอกเบี้ยรับพุ่ง หนุนไตรมาส 2 พลิกกำไร 6 ลบ.

บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META รายงานกำไรไตรมาส 2/65 และงวด 6 เดือนแรก กำไรสุทธิดังนี้

บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานและสินเชื่อ โชว์ผลงานอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดเผยรายงานไตรมาส 2/2565 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 5.8 ล้านบาท โดยบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิลดลง 35.22 ล้านบาท หรือ 120% จากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานรับเหมาโครงการโรงไฟฟ้ามินบู การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อ เป็นต้น สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจในเครือได้เป็นอย่างดี

นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ตามที่ได้แจ้งผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยสำหรับงวด 6 เดือน บริษัทสามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 27 ล้านบาท นับรวมเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายไตรมาสที่ผ่านมา

โดยรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจพลังงานอย่างโรงไฟฟ้ามินบูในประเทศเมียนมาที่ยังคงเติบโตและทำกำไรให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 บริษัทยังได้รับรายได้จากการจำหน่ายไฟในเดือนล่าสุดเป็นมูลค่า 7 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการรับรายได้ดังกล่าวนับเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่มีความกังวลในเรื่องผลกระทบจากมาตรการระงับชำระหนี้ที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศใช้เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอย่างมีนัยยะสำคัญ และจะส่งผลดีต่อการร่วมธุรกิจของทั้ง 3 พาร์ทเนอร์ในอนาคตอีกด้วย

นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทอีกทางมาจากธุรกิจ Fintech ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลอย่าง “Pico เงินด่วน” ที่ทาง META รุกเข้าขยายธุรกิจการเงินในเดือนตุลาคมปี 2564 ที่ผ่านมา และปรากฏผลตอบรับในทิศทางที่ดี รวมไปถึงมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถทำกำไรให้ META ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยผลตอบรับของธุรกิจ Pico เงินด่วนที่เพิ่มขึ้นสูงนั้นมีศักยภาพพอที่จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของบริษัท

ขณะนี้ โรงไฟฟ้ามินบูอยู่ในระหว่างการดำเนินในเฟสที่ 2 อย่างต่อเนื่อง ภายหลังก่อสร้างเฟสที่ 1 เสร็จสิ้นแล้ว และยังมีการวางแผนพัฒนาในเฟสที่ 2-4 ที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคตอีกด้วย ในขณะที่ธุรกิจสินเชื่อ “Pico เงินด่วน” ที่ได้รับมาตรฐานภายใต้การรับรองและกำกับดูแลจากกระทรวงการคลัง ยังมีแผนดำเนินธุรกิจด้วยการนำร่องขยายใบอนุญาตให้บริการสินเชื่อรายย่อยในอีก 3 จังหวัดเศรษฐกิจในทุกภูมิภาค และมีเป้าหมายปรับแผนธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าจากทุกกลุ่มอาชีพอีกด้วย