TTA วางงบ 2 พันลบ. ลุยธุรกิจใหม่ เสริมพอร์ตโฮลดิ้ง มั่นใจกองเรือปีนี้โต 2.4%

นายคทารัฐ สุขแสวง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ว่า บริษัทมีรายได้รวมไตรมาส 2/2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่งจำนวน 8,092.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจหลักอย่างกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือและกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง

สำหรับสัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีสัดส่วนรายได้ 54% ต่อมากลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีสัดส่วนรายได้ 23% ตามด้วยกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรมีสัดส่วนรายได้ 13% ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนรายได้ 6% และกลุ่มการลงทุนอื่นมีสัดส่วนรายได้ 4% ตามลำดับ ทำให้กำไรขั้นต้นเป็น 2,614.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 52% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 1,993.90 ล้านบาท เติบโต 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น  53% จากไตรมาสก่อน  ดังนั้นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติส่วนที่เป็นของ TTA ปรับตัวอยู่ที่ 1,672.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 71% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ บริษัทมีการวางงบลงทุนรวมปีนี้ทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการลงทุนธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มพอร์ตของธุรกิจโฮลดิ้ง และบางส่วนจะใช้ในธุรกิจปัจจุบันเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2565 คาดธุรกิจขนส่งทางเรือยังเติบโตในระดับสูง แม้อัตราค่าระหว่างเรือ Baltic Supermax Index อาจปรับลดลงมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่าเป็นการปรับฐาน คาดว่าจะให้ผลกำไร 12,000-13,000 เหรียญต่อลำต่อวัน

ขณะที่ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งขณะนี้มี Order book ในมือสูง ทำให้คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีรายได้เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และยังมองว่าครึ่งปีหลัง ธุรกิจขนส่งทางเรือจะยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องคาดว่าการเติบโตของกองเรือปี 2565 จะเติบโต 2.4% และ 0.7% ในปี 2566 สำหรับธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่อง

โดยทาง TTA ปัจจุบันมี Order book อยู่ที่ 58 ล้านเหรียญฯ และจำนวน 117 ล้านเหรียญฯ จะได้ทำงานในช่วงครึ่งปีหลังพร้อมกันนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ในส่วนนี้มากกว่าครึ่งปีแรก โดยการบริการใต้ทะเลจะยังรักษาระดับ high utilization ไปจนถึงปี 2567 ปัจจุบันมีสัดส่วน Order book ในมือ18% สำหรับธุรกิจอาหาร ได้แก่ ร้านพิซซ่า ฮัท (Pizza hut) ในไตรมาส 2/2565 มีทั้งสิ้น 184 สาขา, TACO Bell มีทั้งสิ้น 12 สาขา

ส่วนด้านสินทรัพย์รวมบริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 จำนวน 41,937.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,990.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 จากสิ้นปี 2564 สาเหตุหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นจากกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยเงินสดภายใต้การบริหาร ซึ่งประกอบด้วยเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 11,764.2 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.37 เท่า ณ สิ้นไตรมาส