ABM ไฟเขียวเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น-แจกวอร์แรนต์ 2:1 ลุยขยายธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล
บอร์ด ABM ไฟเขียวเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น-แจกวอร์แรนต์ 2:1 รองรับขยายธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล-ผลิตไม้ยูคาลิปตัสสับ วางเป้า 3 ปียอดขายทะลุ 6 พันล้าน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวมวลอย่างยั่งยืนของไทย
นางสาวธิญาดา เมฆพงษ์สาทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีมติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 75 ล้านบาท หรือ 150 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 150 ล้านบาท หรือ 300 ล้านหุ้น เป็น 225 ล้านบาท หรือ 450 ล้านหุ้น มีราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเพิ่มทุนในวันที่ 26 ตุลาคม 2565
ทั้งนี้หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น แบ่งเป็น จำนวน 100 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมอัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท และอีก 50 ล้านหุ้น ไว้รองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิในหุ้นสามัญ (ABW-W1) หรือ วอร์แรนต์ ที่บริษัทฯจะออกฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน จะได้รับ 1 วอร์แรนต์ โดยวอร์แรนต์มีอายุ 2 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญที่ 1.80 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record date) วันที่ 23 กันยายน 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) 22 กันยายน 2565
“บริษัทฯ คาดหวังว่าจะได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนแรกจากผู้ถือหุ้นจำนวน 180 ล้านบาท และหากมีการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์เต็มจำนวนในอนาคตก็จะได้รับเงินเข้ามาอีก 90 ล้านบาท รวมเม็ดเงินที่จะได้จากการเพิ่มทุนทั้งสิ้น 270 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ Debt to Equity Ratio (D/E) ลงได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น และสามารถนำไปจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อมาผลิตสินค้าในการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งยังสามารถนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ ได้ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนในครั้งนี้” นางสาวธิญาดา กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการนำเงินทุนมาขยายธุรกิจการผลิตไม้ยูคาลิปตัสสับ เพื่อนำไปทำเยื่อเป็นกระดาษ ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีกำลังซื้อสูงมากและไม้สับเชื้อเพลิงพรีเมี่ยมเกรดความชื้นต่ำ เพื่อขายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้าว่า จะสามารถสร้างยอดขายรวมได้มากกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี
“ธุรกิจการผลิตไม้ยูคาลิปตัสสับ ปัจจุบันมีการส่งออกไปต่างประเทศปีละ 2 แสนตัน เมื่อมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จะสามารถผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตัน/ปี โดยทั้งธุรกิจไม้สับพรีเมี่ยมเกรด และชีวมวลอัดแท่งมีตลาดรองรับไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะมาทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยบริษัทฯ เชื่อว่าจะมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นทุกปี เป็นไปตามเทรนของกระแสและมาตรการภาวะโลกร้อน ดังนั้น บริษัทฯ จึงเล็งขยายโรงงานเพิ่ม เพื่อรองรับกับออเดอร์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในอนาคต” นางสาวธิญาดา กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 567.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.63 % และมีกำไรสุทธิ จำนวน 8.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงได้รับอานิสงส์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงทำให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมหันมาใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้น การศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น การขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและกลุ่ม EEC การมุ่งเน้น R&D ตลอดจนการบริหารจัดการขนส่งด้านโลจิสติกส์และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและขีดความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัท ตอกย้ำวิสัยทัศน์ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวมวลอย่างยั่งยืนของไทย