WHAUP คว้างานติดตั้ง Solar Carpark “ฟอร์ด มอเตอร์” 7.7 MW มูลค่า 235 ลบ.

WHAUP คว้าดีลติดตั้งโครงการ Solar Carpark “ฟอร์ด มอเตอร์” ขนาด 7.7 เมกะวัตต์ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่หลังคารวม 5.90 หมื่นตารางเมตร มูลค่า 235 ล้านบาท


นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนทั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในนิคมอุตสาหกรรม และนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังบนหลังคาลานจอดรถ (Solar Carpark) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพการให้บริการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) แบบครบวงจรของ WHAUP

ทั้งนี้การลงนามในสัญญาการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ภายใต้โครงการ Ford Solar Carpark ในครั้งนี้ มีขนาดพื้นที่ 59,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 7.7 เมกะวัตต์  มูลค่าลงทุน 235 ล้านบาท และเป็นโครงการที่ติดตั้งตามมาตรฐาน NEC2020 จะเสริมความมั่นคงและลดต้นทุนด้านพลังงานให้กับลูกค้า อีกทั้งยังได้ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ และหลังคายังเป็นร่มเงาในการจอดรถ ช่วยยืดอายุวัสดุติดรถยนต์ที่ทำจากยาง โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการติดตั้งแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566

สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะสมไปแล้ว กว่า 15 โครงการ รวม 33.8  เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบัน WHAUP มีพอร์ตสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะสม รวม 77 โครงการ คิดเป็น 127 เมกะวัตต์ โดยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 46 โครงการ คิดเป็น 40.2 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอีก 6 โครงการ ประมาณ 7.68 เมกะวัตต์ ส่งผลให้เชื่อมั่นว่าเป้าหมายในปี 2565 บริษัทฯ สามารถเพิ่มพอร์ตรวมของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะสมแตะ 150 เมกะวัตต์ตามแผนที่วางไว้

มร. ซิลวิโอ อิลลี่ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างโลกใบนี้ให้ดีขึ้น ให้ทุกคนได้มีอิสระในการเดินทาง เพื่อขับเคลื่อนความฝันของตนเอง โดยฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะพัฒนากระบวนการผลิตรถยนต์ของบริษัททั่วโลกให้เป็นกลางในการปลดปล่อยคาร์บอนภายในปี 2593 และใช้พลังงานสะอาด 100% ในกระบวนการผลิตรถยนต์ภายในปี 2578 และคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ได้ 143,000 ตัน ตลอดระยะเวลา 25 ปี

“ปัจจุบัน โรงงานผลิตรถฟอร์ดในจังหวัดระยองทั้ง 2 แห่ง ทั้งโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานร่วมทุนออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) (เอเอที) ได้หันมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยโรงงานเอเอที ได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์แล้วเสร็จไปเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 5 เมกะวัตต์ และใน 2565นี้ โรงงานเอฟทีเอ็ม ได้เริ่มดำเนินการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 7 เมกกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าการติดตั้งจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นปีหน้า โดยทั้งสองโครงการ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก WHAUP ในการออกแบบ และทำโครงสร้างเพื่อติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์นี้ จะช่วยให้เราสามารถผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและธุรกิจของเราไปพร้อมๆกัน” มร. ซิลวิโอ กล่าว

Back to top button