“บล.พาย” มอง SET สัปดาห์นี้อัพไซด์จำกัด แนะสะสม 10 หุ้น “ท่องเที่ยว-ค้าปลีก”

“บล.พาย” ประเมินกรอบดัชนี 1,590 – 1,630 จุด แนะนำหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-อาหาร-สื่อสาร ชู BJC-M-AOT-ADVANC เด่น


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi (พาย) ประเมินตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดอ่อนตัวลง 0.86% กลับมากังวลกับสถานการณ์ดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออีกครั้งสะท้อนผ่านการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี รวมถึงความคาดหวังเงินเฟ้อ 5 ปีที่ปรับขึ้น

ขณะที่ Dollar Index กลับมาแข็งค่าเป็นปัจจัยกดดันสกุลอื่นๆ ให้อ่อนค่าและเป็นแรงกดดันต่อกระแส Fund Flow ต่างชาติในไทยที่มีโอกาสขายสุทธิ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดทรงตัว ภาพรวมนักลงทุนยังรอดูการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน

โดยสัปดาห์นี้ประเด็นหลักคาดว่าตลาดจะไปให้น้ำหนักกับการประชุม Jackson Hole หรือเป็นการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะเริ่มในวันพฤหัสบดีจนถึงวันเสาร์ เชื่อว่านักลงทุนจะจับจ้องไปยังความเห็นของประธาน FED ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจากนี้ ปัจจุบันตลาดคาดว่าในการประชุมเดือน ก.ย. FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ด้วยความน่าจะเป็น 59% ส่วนอีก 41% คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

ทั้งนี้ล่าสุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายๆ ตัวปรับตัวขึ้นมาอีกครั้ง อาทิ แก๊สธรรมชาติ ข้าวโพด รวมไปถึงดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์จาก Bloomberg ก็เริ่มปรับตัวขึ้นมาสะท้อนถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังมิหายไปก็เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวกำลังอยู่ในการจับตาของ FED ดังนั้นหากที่ประชุม Jackson Hole เริ่มเปิดเผยถึงแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจมากกว่า 0.5% ในการประชุมเดือน ก.ย. จะเป็นปัจจัยกลับมากดดันตลาดหุ้นโลก ส่วนปัจจัยอื่นๆ จะเน้นไปที่ตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ภาคการผลิตในสหรัฐฯและหลายๆประเทศในยุโรปที่มีกำหนดรายงานในวันอังคาร

ขณะเดียวกันในวันดังกล่าวจะมีการรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ Bloomberg คาดที่ 5.74 แสนยูนิต ถัดมาวันพุธจะมีการรายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทน Bloomberg คาดการณ์ 0.9% จากเดือนก่อน ส่วนประเทศไทยในวันพุธจะมีรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศ Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกประจำเดือน ก.ค. จะขยายตัว 10.9% จากปีก่อน และนำเข้าจะขยายตัว 21% จากปีก่อน หากออกมาดีกว่าคาดมองว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมการลงทุน ประเมินกรอบ SET INDEX 1,590 – 1,630 จุด ยังประเมินเช่นเดิม Upside เริ่มจำกัดและในเชิงกลยุทธ์เน้นลดพอร์ตเช่นเดิมเพราะเล็งเห็นถึงความเสี่ยงช่วงถัดไปจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจถดถอย

ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้นที่ Domestic อาทิ ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, DOHOME และ GLOBAL) ร้านอาหาร (M) ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT และ SPA) สื่อสาร (ADVANC)

สำหรับ ONEE แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.60 บาท) เนื่องจากมีสถานะในการผลิตคอนเทนต์ป้อนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหนือคู่แข่ง ขณะที่ยังชิงส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลได้ต่อเนื่อง

ส่วน TACC แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท) แนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี 65 คาดเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้จากผลดีของการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมกับการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง TRIVA นอกจากนี้ธุรกิจลิขสิทธิ์ตัวละครคาดเห็นการฟื้นตัวได้เช่นกันหลังลูกค้ากลับมาทำการตลาดมากขึ้น

Back to top button