PTT ลุยสร้างโรงงาน EV ไตรมาส 4 ผลิตเฟสแรก 5 หมื่นคัน
PTT เดินหน้าสร้างโรงงาน EV ไตรมาส 4/65 คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/67 กำลังการผลิตเฟสแรก 5 หมื่นคัน ทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 150,000-200,000 คันต่อปีในปี 73
นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยภาพรวมข้อมูลของบริษัทในงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ว่า แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังราคาปิโตรเลียมและแก๊สจะปรับขึ้นเล็กน้อย โดยเฉลี่ยราคาทั้งปีจะอยู่ที่ 100-105 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งระยะสั้นคาดน้ำมันดิบดูไบจะได้รับปัจจัยหนุนในปลายไตรมาส 3 จากปัจจัยเสี่ยงด้านอุปทานในช่วงฤดูพายุเฮอริเคนในสหรัฐ และคาดจะยังอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปีนี้จากอุปทานที่ยังคงตึงตัว รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
สำหรับธุรกิจ EV Value Chain ผ่านบริษัท อรุณ พลัส จำกัด โดยร่วมทุนกับ ฟ็อกซ์คอนน์ เปิดบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (อรุณ พลัส ถือหุ้น 60% และ ฟ็อกซ์คอนน์ 40%) ได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) แล้วเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดิน โดยจะตั้งอยู่ที่อุตสาหกรรมโรจนะ จ.ชลบุรี ทั้งนี้จะเริ่มก่อสร้างโรงงานแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และส่วนประกอบต่างๆ ในไตรมาส 4/65 คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/67 กำลังการผลิตเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 150,000-200,000 คันต่อปีในปี 73
ด้านงบลงทุน 5 ปี อยู่ที่ประมาณ 1.46 แสนล้านบาท สำหรับปีนี้ได้ปรับงบประมาณลงทุนขึ้นเป็นประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างที่บริษัทได้มีการซื้อหุ้นคืนของ GPSC จากไทยออยล์ รวมถึงเพิ่มขึ้นจากการ FID ของฮอริษอน พลัส ส่วนบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100%) ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น Lotus Pharmaceutical เป็น 37% จากเดิม 6.6%
ทั้งนี้เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศและเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผ่านการลงทุนในธุรกิจ LNG ธุรกิจก๊าซฯและท่อส่งก๊าซฯ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า การลงทุนในธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงยาสามัญได้มากขึ้น การลงทุนในธุรกิจดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจในกลุ่ม ปตท. แล้ว ยังสนับสนุนให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนสร้างงานและเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือนในประเทศอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดีผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.88 หมื่นล้านบาท เติบโต 58.05% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 2.45 หมื่นล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรก กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.44 หมื่นล้านบาท เติบโต 12.69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 5.71 หมื่นล้านบาท