ดักเก็บ 4 หุ้น “ประกัน” รับทิศทาง “บอนด์ยีลด์-ดอกเบี้ย” ขาขึ้น
4 โบรกฟันธงหุ้นประกันเด่น ชู BLA-TLI-THREL-TIPH รับทิศทางบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีทะลุ 3% และ 30 ปีทะลุ 3% รวมถึงคาดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักลงทุนหันมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนกันยายน 2565 หลังก่อนหน้านี้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นเพียง 0.50%
ทั้งนี้ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกันยายนก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้วานนี้ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.089% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.305%
อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยขาขึ้นจะดีต่อประกันชีวิตโดยเฉพาะในด้านพอร์ตลงทุน ซึ่งส่วนมากจะลงทุนในตราสารหนี้เรตติ้งดี ซึ่งผลตอบแทนจะล้อไปกับบอนด์ยีลด์ และในอีกด้านหนึ่งคือการตั้งสำรองของประกันชีวิตจะลดลงในระยะยาว เนื่องจากหนี้สินที่ถูกตีมาเป็นมูลค่าปัจจุบันจะมีมูลค่าน้อยลง เนื่องจากอัตราคิดลดที่สูงขึ้น
ดังนั้น ภาพใหญ่ของกลุ่มประกันได้แรงหนุนจากบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงระยะสั้น โดยส่งผลบวกที่อาจนำมาสู่หุ้นกลุ่มประกัน ได้แก่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA, บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL และ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือTIPH
โดยสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินไว้
สำหรับ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าหุ้นกลุ่มประกันโดยภาพรวมจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยของไทยก็น่าจะขยับขึ้นในปีนี้เช่นกันจากเดิมที่ตลาดคาดว่าอาจจะเริ่มขึ้นในปีนี้ ในส่วนนี้จะช่วยให้การตั้งสำรองของประกันลดลง และสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น ก็จะเห็นว่าระยะสั้นบอนด์ยีลด์พุ่ง ราคาน้ำมันทรงตัวสูง ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มประกัน ได้แก่ BLA, THREL, TIPH
ทั้งนี้ยังคงประเมิน บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มประกันชีวิตอันดับ 5-6 ในอุตสาหกรรมด้วยมาร์เก็ตแชร์ 6% คาดกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนหนึ่งรับผลบวกจากบอนด์ยีลด์ทิศทางขาขึ้นทั้งในด้านสำรองประกันภัยที่คาดลดลง และรายได้จากการลงทุนเติบโตจากเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น ปัจจุบันพอร์ตสัดส่วนกว่า 80% อยู่ในตราสารหนี้ และคาดผลรวมของกำไรที่คาดว่าจะได้รับตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งถึงวันสิ้นสุดสัญญาของกรมธรรม์ (VoNB) เติบโตได้ระดับ Double digit และรักษามาร์จิ้นระดับนี้ได้
ด้าน Valuation ปัจจุบันซื้อขาย P/BV 1.3 เท่า ยังซื้อสะสมได้ในภาวะบอนด์ยีลด์ขาขึ้น ซึ่งหุ้นเคยซื้อขายระดับค่า P/BV ที่ 2-3 เท่า ในช่วงยีลด์ขึ้น โดยภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นยังเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มประกัน ทั้งในเชิงรายได้การลงทุน, การตั้งสำรองเบี้ย
ส่วนทางด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ประเมินว่า บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 28.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจประกันชีวิตฟื้นตัว สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ จากการทำกำไรสูงต่อเนื่อง อาทิ ประกันชีวิตแบบ Unit Linked และประกันสุขภาพ เป็นต้น
อีกทั้งคาดว่า TLI จะได้ผลบวกจากทิศทางบอนด์ยีลด์ที่ปรับสูงขึ้นมากต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 สำหรับบอนด์ยีลด์อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.06% และ 10 ปี อยู่ที่ 2.62% ถือเป็นผลบวกต่อ TLI เพราะจะทำให้ TLI หาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ใหม่ๆ ได้สูงขึ้น
โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าระยะเวลาการลงทุนในหุ้นกู้ของ TLI จะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 10 ปี ทำให้ประเมินว่าบอนด์ยีลด์อายุ 5 ปี และ 10 ปีที่ปรับสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มรายได้จากการลงทุนของ TLI ให้เติบโตได้ในระยะยาว
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้น ได้แก่ BLA,THREL
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น BLA ราคาเป้าหมาย 53 บาท ประเมินรับ Sentiment บวกจากแนวโน้มขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ทั้งผลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยฝ่ายวิจัยคาดครึ่งหลังของปี 2565 ปรับตัวขึ้น 0.5%