GULF เล็งปิดดีล “โรงไฟฟ้า” ขนาดใหญ่ต่างแดน ปักธงรายได้ปีนี้โต 80%
GULF เล็งปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ต่างประเทศ ภายในปลายปีนี้ ขณะที่มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 80% รับรู้ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า IPP, โครงการ GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 รวมถึงหน่วยที่ 3 เข้ามาเต็มปี รวมไปถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากทาง INTUCH
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า แผนการลงทุนในครึ่งหลังของปี 2565 บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า 2-3 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนภายในปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการเดิมตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งโครงการ IPP ,โครงการ GSRC, โครงการ GPD และการลงทุนใน GULF1ที่ดำเนินการในเรื่องของโซลาร์รูปท็อป เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทจัดเตรียมงบลงทุน 5 ปี (ระหว่างปี 2565-2569) ที่ราว 120,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นสัดส่วนตามจุดประสงค์ของการลงทุน สำหรับ 60% จะใช้ลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม โซลาร์ โรงไฟฟ้าขยะ ขณะที่อีก 20% ใช้สำหรับลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันอีก 10% ใช้สำหรับการลงทุนด้านของดิจิทัล นอกจากนี้อีก 5% เป็นการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และอีก 5% จะรองรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตได้ 80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่เปิดดำเนินการ รวมถึงจะรับรู้รายได้โครงการ GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 รวมถึงหน่วยที่ 3 เข้ามาเต็มปีจากที่ได้เริ่มรับรู้ในปีนี้ รวมไปถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากทาง บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH
อย่างไรก็ตาม หากดีลซื้อกิจการ (M&A) สำเร็จและสามารถบันทึกเข้ามาได้ทันภายในปีนี้ก็จะมีโอกาสที่รายได้จะเติบโตได้เกิน 80%
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) ปัจจุบัน Gulf Binance กำลังดำเนินการเตรียมขอใบอนุญาตตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและใบอนุญาตอื่น ๆ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารคาดว่าจะสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ในเร็วๆ นี้
ด้านธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ปีนี้จะเริ่มซื้อที่ดิน คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ปี 2566 และเปิดดำเนินการได้ในปี 2567 โดยจะแบ่งเป็นสองเฟส เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่ต้องใช้ฐานการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscalers) และบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ รบมถึงหน่วยงานภาครัฐด้วย
“บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2570 จะเติบโตเป็นเกือบ 2 แสนล้านบาท ตามการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 5,000 เมกะวัตต์ โครงการ IPP หินกอง โครงการโรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์ รวมไปถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่โครงการมาบตาพุด โครงการแหลมฉบัง โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการโซลาร์รูปท็อป รวมไปถึงการซื้อกิจการ(M&A) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา” น.ส.ยุพาพิน กล่าว