จับตา 4 หุ้นโรงกลั่นเด้งรับ “วิทติ้ง” ปิดซ่อม กดซัพพลายตึงตัว

TOP-ESSO-BCP-SPRC พาเหรดนิวไฮ! หลังโรงกลั่นน้ำมันวิทติ้ง (Whiting) ในสหรัฐฯ ขนาด 4.3 แสนบาร์เรลต่อวันปิดจากเหตุเพลิงไหม้ กดดันซัพพลายตึงตัว ราคาน้ำมัน-ค่าการกลั่นพุ่งอีกรอบ โบรกฯ ชี้กลุ่มโรงกลั่นแรลลี่ยาวช่วงฤดูหนาว


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า จากกรณีบริษัท บีพี ประกาศปิดโรงกลั่นน้ำมันวิทติ้ง (Whiting) ในรัฐอินเดียนาของสหรัฐฯ เป็นบางส่วนเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร โดยโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้มีกำลังการกลั่นน้ำมัน 4.3 แสนบาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฯ เนื่องจากซัพพลายตึงตัวมากขึ้น

โดยคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น กลับไปสู่ระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่น ซึ่งยังไม่รวมเหตุการณ์ดังกล่าว ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว และยิ่งเกิดเหตุการณ์ปิดโรงกลั่นน้ำมันวิทติ้งอีก ยิ่งทำให้ค่าการกลั่นมีโอกาสปรับสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นจะส่งผลต่อกลุ่มโรงกลั่น อย่างบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ที่คาดว่าจะเห็นราคานิวไฮได้อีกครั้ง

ทั้งนี้จะเห็นว่าราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฯ ยังคงปรับตัวสูงต่อเนื่อง มาจากค่าการกลั่นที่ทรงตัวระดับสูง ดังนั้นจะเห็นหุ้นกลุ่มโรงกลั่นแรลลี่ยาวในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้ บวกกับราคาน้ำมันที่คาดว่าจะยังคงปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากมองภาพรวมกลุ่มโรงกลั่น จึงยังมีความน่าสนใจ และคาดว่าราคาหุ้นจะปรับสูงขึ้นได้อีก

 “จากกรณีโรงกลั่นน้ำมันวิทติ้ง ในสหรัฐฯ ต้องปิดเพราะไฟไหม้ ซึ่งนับเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ ทำให้ซัพพลายที่ตึงตัวอยู่แล้ว ตึงตัวมากขึ้นอีก กระทบต่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่จะสูงขึ้น รวมไปถึงค่าการกลั่นด้วย ดังนั้นจะเป็นผลบวกอย่างยิ่งกับโรงกลั่นไทย คาดว่าจะเห็นราคาหุ้นทำนิวไฮครั้งใหม่ โดย ESSO ทะลุนิวไฮเดิม 13 บาทแล้ว และคาดว่าตัวอื่น ๆ จะตามมา ทั้ง TOP BCP และ SPRC” นายสุวัฒน์ กล่าว

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  จากกรณีที่โรงกลั่น “Whiting refinery” ในสหรัฐฯ แจ้งหยุดทำงานบางส่วนหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้นั้น มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น เพราะซัพพลายหายไปบางส่วน จึงเห็นค่าการกลั่นวานนี้ (25 ส.ค. 65) ที่จะรายงานในเช้าวันนี้ (26 ส.ค. 65) มีแนวโน้มดีดตัวขึ้น ดังนั้น หุ้นโรงกลั่นจะมีแรงหนุนเชิงบวกในระยะสั้นเข้ามา ได้แก่ TOP และ BCP

ขณะที่นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวข้างต้น มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น โดยในระยะสั้นกลุ่มโรงกลั่นยังเชื่อว่าตัวที่จะไปได้ดี คือ ตัวที่มีโปรดักส์เป็นดีเซลกับเจ็ทค่อนข้างเยอะ เพราะในช่วง 2 ปีข้างหน้าสัญญาณของซัพพลายโรงกลั่นที่จะขึ้นมาใหม่มีน้อยมาก จากที่ได้คุยกับ TOP คือ ซัพพลายโลกมีน้อย ภาพรวมตอนนี้ทิศทางของราคาสเปรดโรงกลั่นจะดูดี โดยแนะนำ TOP ณ ตลาดแบบนี้ TOP ค่อนข้างได้รับประโยชน์จากราคาดีเซลขาขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ส.ค. 2565) ราคาหุ้น TOP ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.83%, BCP ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.71% และ ESSO ปิดที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.52%

Back to top button