เปิด 4 หุ้น “ยานยนต์” รับยอดขายรถครึ่งหลังฟื้น ชู SAT เด่นสุด เป้า 22.50 บาท

“บล.ดาโอ” แนะนำสอย 4 หุ้นกลุ่ม Automotive ขานรับยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. 65 เติบโต พร้อมชู SAT แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท มองกำไรครึ่งปีหลังเติบโต


บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ส.ค.65) ประเด็นยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. 65 เติบโต 16% จากปีก่อน, ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. 65 อยู่ที่ 1.43 แสนคัน เติบโต 16% จากปีก่อน, ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยเติบโตจากปีก่อนค่อนข้างมาก จากทั้งยอดขายรถยนต์ในประเทศและยอดส่งออกที่เติบโตได้ดี และยังเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อนที่ค่ายรถยนต์บางแห่งลดกำลังการผลิตจากการระบาดโควิด-19 และมีการล็อกดาวน์

สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 6.4 หมื่นคัน โต 22% จากปีก่อน, ลดลง 6% จากเดือนก่อน ส่วนยอดส่งออกอยู่ที่ 8.3 หมื่นคัน โต 18% จากปีก่อน, เติบโต 12% จากเดือนก่อน จากความต้องการรถยนต์ทั่วโลกที่ยังคงสูง โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาดยกเว้นเอเชียที่ลดลง สำหรับยอดผลิตรถยนต์ 7 เดือน ปี 65 อยู่ที่ 1.0 ล้านคัน โต 5% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้มีการปรับลดเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ปี 65 ลงเป็น 1.75 ล้านคัน โต 4% จากปีก่อน จากเดิมที่ 1.8 ล้านคัน โต 7% จากปีก่อน จากการปรับลดเป้าส่งออกลดลง

โดย บล.ดาโอ มองเป็นกลางจากยอดผลิตรถยนต์ที่เติบโตจากปีก่อน โดดเด่นตามคาด ขณะที่ ส.อ.ท.ปรับลดเป้าหมายผลิตรถยนต์ ถือว่าลดลงเพียงเล็กน้อยและเป็นไปตามที่ประเมินไว้ เป็นผลจากยอดผลิตรถยนต์ไตรมาส 2/65 ที่ชะลอตัวลงมาก ซึ่งแนวโน้มไตรมาส 3 – ไตรมาส 4 ปี 65 จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น

สำหรับยอดผลิตรถยนต์งวด 7 เดือนปี 65 คิดเป็น 58% จากเป้าทั้งปีที่ประเมินที่ 1.75 ล้านคัน โดยยอดผลิตรถยนต์ในช่วงที่เหลือของปีจะมีทิศทางที่ดีขึ้นทั้งจากปัจจัยฤดูกาล แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์การขาดแคลนชิปเริ่มดีขึ้น ส่งผลบวกต่อการส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัวได้ กลุ่ม Automotive ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral”

โดยราคาหุ้นกลุ่ม Automotive ปรับตัวลง underperform SET ลดลง 3% ในช่วง 1 เดือน จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่ชะลอตัวตามยอดผลิตรถยนต์ที่ลดลง ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 – ไตรมาส 4 ปี 65 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ SAT ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท บาท อิง PER ปี 65 ที่ 10 เท่า โดย valuation ปัจจุบันน่าสนใจ เทรด PER  ปี 65 ที่ 8.3 เท่า (-0.75SD) โดยประเมินกำไรกำไรครึ่งปีหลังปี 65 จะกลับมาเติบโตได้ โต 22% จากปีก่อน, โต 3% เทียบกับช่วงครึ่งปีแรก โดยยังมี key catalyst จากราคาเหล็กที่ปรับลดลง ช่วยลดความกดดันด้านต้นทุนได้ดีขึ้น

สำหรับยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวดียังเป็นบวกต่อ EPG, JWD ขณะที่ยอดส่งออกเติบโตโดดเด่นจะเป็นบวกต่อ NYT สำหรับยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวดี

พร้อมมองเป็นบวกต่อหุ้นที่มีรายได้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ EPG (แนะนำซื้อ / ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ 45% และ JWD (แนะนำซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ราว 10%-15% นอกจากนั้น ยอดส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัวโดดเด่น เรามองเป็นบวกต่อ NYT (เป้า Bloomberg consensus เฉลี่ย 4.10 บาท) ที่ทำธุรกิจท่าเรือส่งออกและนำเข้ารถยนต์

Back to top button