FSSIA การันตี EA-NEX กำไรแกร่ง “อีวี-แบตเตอรี่” หนุน
โบรกการันตี EA-NEX กำไรแกร่ง “อีวี-แบตเตอรี่” หนุน เดินหน้าส่งมอบรถบัส-รถบรรทุกไฟฟ้าต่อเนื่อง พร้อมขยายโรงงานผลิตแบตเป็น 2GW จากเดิม 1GW ก่อนเพิ่มเป็น 4GW ในปี 67 เคาะเป้า EA ที่ 101 บ. ส่วน NEX ประเมินเป้า 21.6 บ.
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุว่า จากการที่ได้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตแบตของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ EA และบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ร่วมกันจัดตั้ง โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อพัฒนาการธุรกิจ EV ของบริษัท
ขณะเดียวกันเตรียมส่งมอบรถให้ลูกค้ารายใหญ่โดย BYD ใช้เวลานานกว่าที่คาดแม้ในเดือนสิงหาคม 2565 จะสามารถผลิต e-bus ได้ราว 400-500 คันก็ตาม โดยรถ e-bus จำนวน 900 คัน และ e-truck จำนวน 500 คันคาดว่าจะนำส่งได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 2H22
ด้าน EA ระบุว่า อยู่ระหว่างการวางแผนขยายโรงงานผลิตแบตจาก 2 GW ในไตรมาส 1/2566 เป็น 4GW ในปี 2567 โดยในขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1GW ส่วนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 3,000 คันต่อปี เป็น 50,000 คันภายในปี 2568
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีความล่าช้าในการส่งมอบรถ ทางฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตกำไรของ EA และ NEX ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ไปจนถึงปี 2567 สามารถผลักดันรายได้และกำไรที่ชัดเจนจากธุรกิจ EV รวมถึงการเติบโตในตลาดรถบรรทุกหัวลาก
โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ NEX ไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 100-150 ล้านบาท และกำไรในไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท จากการส่งมอบรถ E-bus ในไตรมาส 3/2565 และส่งมอบรถบรรทุกหัวลากไฟฟ้าในไตรมาส 4/2565
ส่วน EA คาดว่าจะประกาศกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 300 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 800 ล้านบาท สามารถผลักดันด้วยรายได้จากโรงงานแบตเตอรี่ที่ถือหุ้นอยู่ 100% นอกจากนั้นยังมีโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ร่วมกับ NEX ในสัดส่วน 65% และการถือหุ้นใน NEX สัดส่วน 45%
สำหรับแผนการเติบโตธุรกิจ EV ของ EA และ NEX คือ 1) คาดไตรมาส 4/2565 ไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2566 จะมีแบ็กล็อกที่แข็งแกร่งด้วยรถ E-bus กว่า 3,000 คัน และรถบรรทุกหัวลากไฟฟ้าอีก 500 คัน
2) แนวโน้มการเติบโตด้วยรถบรรทุกหัวลากไฟฟ้าที่สูงถึง 10,000 คัน จากตลาดที่มีอยู่ราว 1 แสนคันต่อปี ส่วนโมเดลธุรกิจจะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์การขายรถหัวลากไฟฟ้าให้กับผู้ใช้งานในราคาที่เหมาะสม และจะตกลงราคาค่าชาร์จไฟไว้ล่วงหน้าในราคาอัตราคงที่ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษา และค่าชาร์จได้
นอกจากนี้ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม EV ในไทย และมองว่าราคาหุ้น EA และ NEX จะ Outperform ในเดือนข้างหน้า โดยให้ราคาเป้าหมายของ EA ไว้ที่ 101 บาท และ NEX ให้ราคาเป้าหมายที่ 21.6 บาท