CKP มั่นใจครึ่งหลังปี 65 โตเด่น รับไฮซีซั่น-ค่า Ft หนุน ปักธงปี 67 กำลังผลิต 4.8 พันเมกฯ

CKP มั่นใจครึ่งหลังปี 65 โตเด่น รับไฮซีซั่น หลังปริมาณน้ำเพิ่ม พ่วงอานิสงส์ปรับเพิ่มค่า Ft หนุน คาดสร้างรายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 60-70 ล้านบาท จ่อเซ็น PPA โรงไฟฟ้าหลวงพระบางไตรมาส 4/65 ตั้งเป้าปี 67 กำลังผลิตแตะ 4,800 MW


นายธรรมขจร นันทพงษ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยภาพรวมข้อมูลของบริษัทในงาน Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,295 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของ BIC ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 48.4% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 45.2% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัท มีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก หรือเพิ่มขึ้นราว 60% เนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ เนื่องจากมีปริมาณฝนตกมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 3/65 ประกอบกับยังได้ปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.65 ส่งผลทำให้รายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 60-70 ล้านบาท (บนสมมติฐานค่าก๊าซอยู่ในระดับปัจจุบัน)

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง หลังบริษัท หลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด (LPCL) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้า (Tariff MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอ กฟผ. อนุมัติลงนานสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โดยทาง กฟผ.อยู่ระหว่างการสอบทาน PPA และเจรจาการกู้เงินกับสถาบันการเงิน คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในช่วงไตรมาส 4/65

ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือนพ.ย.นี้ และในปี 66 ก็มีแผนออกเพิ่มอีก วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปี หรือปี 67 แตะ 4,800 เมกะวัตต์ โดยจะมุ่งเน้นไปที่ Renewable ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro), โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าผลักดันกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเป็น 95% จากปัจจุบัน 89% ซึ่งการลงทุนทั้งหมดยังคงอยู่ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในเวียดนาม

Back to top button