“กลุ่มเซ็นทรัล” รุกหนักห้างลักซ์ชัวรี่ “ยุโรป” ตั้งเป้าปี 65 โกยยอดขาย 2.6 แสนลบ.
“กลุ่มเซ็นทรัล” เดินหน้าพัฒนา 3 โครงการใหม่ ตีตลาดยุโรป รุกหนักห้างลักซ์ชัวรี่ “ยุโรป” ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา ตั้งเป้าปี 65 โกยยอดขาย 2.6 แสนลบ.
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในหลายประเทศ รวมถึงการสร้างโครงการใหม่อีก 3 แห่ง นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาโอกาสเพื่อพัฒนาเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทำเลทองใจกลางเมืองลอนดอนที่เซลฟริดเจสแฟลกชิปบนถนนออกซ์ฟอร์ดอีกด้วย
สำหรับโครงการใหม่ที่กำลังถูกพัฒนา และที่อยู่ระหว่างการศึกษาในขณะนี้ อาทิ
โดย คาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี เป็นการดำเนินการปรับปรุงตึกคาร์ชเฮาส์ ให้เป็นห้างหรูใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟจุดเด่นของโครงการนี้ประกอบไปด้วยการขุดจัตุรัสเมืองบริเวณข้างหน้าห้างเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่รีเทลชั้นใต้ดินที่โดดเด่น ซึ่งจะมีร้านค้าแบรนด์ดังหลากหลายเข้าร่วมและบนระเบียงชั้นสูงจะมีร้านอาหารขนาดใหญ่ให้บริการ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะเปิดตัวภายในปี 2566
ส่วนเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นห้างหรูแห่งแรกของเมืองเวียนนา บวกกับ โรงแรม ทอมป์สันและพื้นที่สีเขียวสวยงามบนหลังคาตึก ซึ่งโครงการนี้ถูกออกแบบโดย O.M.A ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2567
รวมถึง โกลบุส บาเซิล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นการพัฒนาตึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งอยู่ที่มาร์กแพลตซ์ (Markplatz) ณ ศูนย์กลางของเมืองบาเซิลให้กลายเป็นห้างหรูที่คงไว้ซึ่งความสวยงามที่เป็นมรดกดั้งเดิม โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2568
ส่วน “เซลฟริดเจส ลอนดอน” ในบริเวณของห้างแฟลกชิปประกอบไปด้วยโรงแรม อาคารจอดรถและถนนเส้นเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินเพื่อเปิดโรงแรมหรือทำธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งพื้นที่กลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่างๆ
“บนเส้นทางกว่า 75 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของกลุ่มเซ็นทรัลมีพื้นฐานมาจากความมุ่งมั่นในการเลือกสรร และนำเสนอประสบการณ์, บริการ และสินค้า ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยได้มีโอกาสในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังมีทีมงานที่มีความสามารถโดดเด่นอยู่ทั่วโลก ซึ่งช่วยผลักดันให้ห้างสรรพสินค้าของเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิต หรือ “Central of Life”
ยังมีเป้าหมายในการนำพาชุมชนในทุกเมืองที่เข้าไปทำธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาและยกระดับพื้นที่โดยรอบของห้างสรรพสินค้า การสร้างงานและอาชีพ การรักษาไว้ซึ่งมรดกทางประวัติศาสตร์ของแต่ละอาคาร รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม
โดยมี เซลฟริดเจส เป็นผู้นำที่ได้ริเริ่มหลากหลายโครงการด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยในเวทีระดับโลก และขอเชิญชวนลูกค้าเซ็นทรัลทุกคนมาร่วมเดินทางสู่การเติบโตก้าวต่อไปพร้อมๆกัน”นายทศ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลได้จารึกความสำเร็จด้วยการมีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมถึง 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้กว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือ 2.6 แสนล้านบาท การรวมกลุ่มเซลฟริดเจสเข้าสู่คอลเลคชั่นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยจำนวนของห้างแฟลกชิปหรูในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่มากที่สุดในโลก
พร้อมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลักชัวรี่ระดับแนวหน้า นอกจากนี้ ยังภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อันโดดเด่นถึง 19 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 1 ศตวรรษ และล้วนตั้งอยู่บนทำเลเด่นใจกลางเมืองสำคัญ ของยุโรป อาทิ ลอนดอน, ซูริค, โรม, โคเปนเฮเกน, ดับลิน, และ เวียนนา
“ก้าวแรกที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ริเริ่มดำเนินธุรกิจในยุโรป คือการเข้าซื้อกิจการห้างหรู รีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี เมื่อปี 2554 ตามด้วยอิลลุมในปี 2556 กลุ่มคาเดเว ในปี 2558 โกลบุส ในปี 2563 และในปี 2565 ได้เข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส” นายทศ กล่าว
สำหรับลักชัวรี่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ซึ่งสอดคล้องกับจังหวะที่แบรนด์ลักชัวรี่ของยุโรปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยกระแสของการท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงแม้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนในระยะที่ผ่านมา ตลาดลักชัวรี่ได้แสดงศักยภาพสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากความต้องการผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มเซ็นทรัลมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ลักชัวรี่ในสองด้าน
กลยุทธ์ที่ 1. พัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์ การพัฒนาแปลงโฉมห้างสรรพสินค้าเป็นหัวใจหลักของการดำเนินการในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น LVMH, Kering และ Richemont เพื่อยกระดับและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า เน้นการตกแต่งคุณภาพสูงของห้างและร้านค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า
โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม นอกจากนี้ แต่ละห้างยังมีสินค้าอาหารระดับพรีเมี่ยม และมีร้านอาหารหลากหลายไว้บริการ ซึ่งผู้มาเยือนสามารถสัมผัสความพิเศษเหล่านี้ในโฉมใหม่ของ ห้างคาเดเว ในเบอร์ลิน ห้างรีนาเชนเตในมิลานและโรม และห้างโกลบุส ในซูริก ที่ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนาไปเมื่อไม่นานมานี้
กลยุทธ์ที่ 2. ขึ้นแท่นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเป็นพันธมิตรคู่ค้าที่มีเครือข่ายทั่วโลกให้กับแบรนด์ลักชัวรี่และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปมียอดจำนวนผู้มาเยือนกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายได้ถึง 1 พันล้านยูโร (3.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งยอดขายออนไลน์ในต่างประเทศของ Selfridges.com มีสัดส่วนสูงถึง 40% สะท้อนถึงการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่แข็งแกร่ง เทียบได้กับคู่แข่งที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลได้วางยุทธศาสตร์ให้ Selfridges.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเน้นใช้จุดแข็ง ดังนี้
1) แบรนด์เซลฟริดเจส ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีทั่วโลก 2) แบรนด์และสินค้า พร้อมคอลเลคชั่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทุกห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเครือ 3) เทคโนโลยีล้ำสมัย และฐานข้อมูลลูกค้า ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ และมอบบริการให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล 4) เครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน 11 ประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้บริการแบบออมนิแชแนล ที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งอีคอมเมิร์ซทั่วไป โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่และคอลเล็คชั่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางนี้