ยอดส่งออก “จีน” ส.ค. เหลือโต 7.1% หลัง “ล็อกดาวน์” กระทบอุปสงค์
ยอดส่งออกจีนเพิ่มเพียง 7.1% ในเดือนส.ค. ชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้อุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศลดลง รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะขาลง
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้อุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศลดลง นอกจากนี้ มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาคลื่นความร้อนยังส่งผลกระทบต่อการผลิต และทำให้เศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 12.5% ส่วนยอดการนำเข้าเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.5% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนส.ค.อยู่ที่ 7.94 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดือนก.ค.ที่ระดับ 1.013 แสนล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.33 หมื่นล้านดอลลาร์
โดยเศรษฐกิจจีนยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมืองเฉิงตูซึ่งมีประชากรกว่า 21 ล้านคนประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนเมืองกุ้ยหยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว สั่งล็อกดาวน์ชุมชนใน 6 เขตจากทั้งหมด 10 เขต โดยเมืองกุ้ยหยางมีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 6.1 ล้านคน และเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งซึ่งรวมถึงบริษัทจีลี ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์