CH ขึ้นสังเวียนเทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งทะลุ 3.35 บาท

CH ขึ้นสังเวียนเทรด SET วันนี้ ลุ้นวิ่งทะลุเป้า 3.35 บาท จาก IPO 2.34 บาท ชูผู้นำผลิตและจำหน่ายผลไม้ และอาหารแปรรูป ส่งออกทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ ฟาก 5 บล.ประสานเสียงประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 3.00-3.35 บาทต่อหุ้น มั่นใจศักยภาพธุรกิจโตแกร่ง ระดมทุนกว่า 374 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจ-สร้างโอกาสต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย.) หุ้นสามัญของบริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก ภายใต้กลุ่มธุรกิจอาหารโดยมีทุนชำระแล้ว 400 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 640 ล้านหุ้น และหุ้นบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.34 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 374.40 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,872 ล้านบาท

ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯยินดีต้อนรับหุ้น CH เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ในการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกวันนี้

ขณะที่นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CH เปิดเผยว่า เงินระดมทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้ตามแผนที่ได้วางไว้ นับเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ CH ในฐานะผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ ที่ครอบคลุมกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีประสบการณ์มาเกือบ 100 ปี

โดยการระดมทุนและการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทครั้งนี้นอกจากจะทำให้บริษัทมีเงินทุนในการปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า ก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต รวมถึงการเสริมสร้างสภาพคล่องซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงินและขีดความสามารถในการเติบโตของธุรกิจแล้ว ยังทำให้บริษัทได้เปลี่ยนจากธุรกิจครอบครัวสู่การเป็นธุรกิจที่มีระบบและการบริหารงานอย่างมืออาชีพอีกด้วย

สำหรับ CH มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิโดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักเงินสำรองต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้น 10 ลำดับแรกของบริษัทภายหลัง IPO ประกอบด้วย บริษัท ซีเอช แฟมิลี่ จำกัด และกลุ่มผู้ก่อตั้ง ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 54.87%

สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 65 บริษัทมีรายได้ 910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 726.20 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 67.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 28.26 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่บริษัทคาดว่าทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะปกติจะเป็นข่วงไฮซีซั่นในฤดูกาลที่ผลไม้ออกมาค่อนข้างมาก และบริษัทยังได้เงินระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนทางการเงินลง และยังมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

โดยบริษัทเตรียมบุกไปขยายตลาดยุโรปด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในฝรั่งเศสในเดือน ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดยุโรปที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 5% และรับประโยชน์จากการใช้กำลังการผลิตของโรงงานในกัมพูชาจากที่มีอยู่เต็มที่ 2,000 ตัน/ปี เนื่องจากการส่งออกจากกัมพูชาจะได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในการส่งสินค้าไปขายในสหภาพยุโรป (อียู)

ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CH เปิดเผยว่า มีความเชื่อมั่นว่าหุ้น CH จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยราคาหุ้น IPO ที่ 2.34 บาท/หุ้น มีระดับ P/E ที่ 17 เท่า เทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกันมีระดับ P/E ที่กว่า 30 เท่า จากการเสนอขายหุ้น IPO ของ CH ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน นับเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินแก่บริษัท ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพการเติบโตของ CH ได้เป็นอย่างดี

สำหรับบริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ CH ปี 65 ที่ 3.00 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 24 เท่า เทียบเท่า Mean PE กลุ่ม Food&Beverage โดยมีความน่าสนใจบริษัทมีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารแปรรูปกว่า 97 ปี โดยเป็น TOP 5 ของผู้ส่งออกมะม่วงอบแห้งของไทย ที่มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล และการตั้งโรงงานที่กัมพูชา ส่งผลดีต่อการขยายฐานลูกค้า และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ค่าแรงต่ำกว่าไทย และสายพันธุ์มะม่วงที่เหมาะสมกับการทำมะม่วงอบแห้งแบบ soft-dried โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตราว 23% CAGR มีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออก รวมถึงแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการขนส่งลดลง

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรกลับมาโต 26.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 65 และขยายตัวต่อเนื่องในปี 65-67 โต 25.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ประเมินราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 3.35 บาท อิง PE 25 เท่า และPEG 1.0 ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของ JDF, PLUS, GLOCON ซึ่งมีธุรกิจคล้ายคลึงกัน

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุว่า คาดผลประกอบการปี 2565-2566 จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยประมาณการรายได้ปี 65-66 ราว1,630.4 ล้านบาท และ 1,842.3 ล้านบาท เติบโต 13.0% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต13.0% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี65-66 ที่ ระกับ 82.0 ล้านบาท และ 96.6 ล้านบาท เติบโต 22.3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  และ โต 17.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ และประเมินราคาเหมาะสมในปี 66  ราว 3.00 บาทต่อหุ้น

บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายคาดการดำเนินงานในปี 2565 และปี 2566 จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายส่งผลให้กำลังซื้อกลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนตู้และเรือขนส่งเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อรายได้ของบริษัทจากสัดส่วนการส่งออกที่มีมากกว่า 70% ของยอดขาย และยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าอีกทางทำให้

คาดผลการดำเนินงานปี 65 เพิ่มขึ้น 16% ที่ 78 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 66 อยู่ที่ 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนภายใต้ยอดขายเพิ่มขึ้น 14% และ 12% ตามลำดับประเมินราคาพื้นฐานปี 2566 ที่ 3.05 บาท อิง P/E ที่ 25 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรปกติ ปี 65-67 เติบโต 28.2% CAGR คาดกำไรปกติปี 65 โต 89% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำยอดขาย และ GPM ที่ฟื้นตัว ขณะที่ปี 66 คาดกำไรปกติเติบโตอีก 44% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเงิน IPOที่เข้ามา หนุนเปิดโรงจัดเก็บสินค้า ทำให้บริษัทสามารถรองรับคำสั่งซื้อใหม่ได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาขนส่งทั่วโลกที่คลี่คลายลง และค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และปี 67 คาดโต14% ตามฐานยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง

โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 3.00 บาท ภายใต้วิธี PE Valuation อิงกำไรต่อหุ้นปี 66 ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น แล้ะอิง Forward PE ปี 66  ของหุ้นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับ CH คี่อ มีลักษณะเป็นของว่างสินคำทานเล่น อยู่ที่ 21.4 เท่า โดยไม่รวมกลุ่มสินค้ำโภคภัณฑ์จากลักษณะสินค้าที่ต่างกัน

ทั้งนี้ จากจุดแข็งของ CH ที่เป็นผู้เล่นอันดับต้นในกลุ่มผลไม้อบแห้ง และฐานกำไรที่ยังเล็กกว่ากลุ่มฯ คาดบริษัทยังมีโอกาสเติบโตสูงกว่ากลุ่มฯมาก สะท้อนจาก Core EPS growth ปี 66 ที่เติบโตสูงสุดในกลุ่ม ฝ่ายวิจัยจึงให้ Forward PE Premium ที่ 24 เท่า ได้มูลค่าพื้นฐานปี 2023 ที่ 3.00 บาท

Back to top button